Categories
ต้นไม้มงคลปลูกหน้าบ้าน

หูกระจงแดง พันธุ์ไม้ ดอกสีแดงสดใสท้าทายแสงแดด

หูกระจงแดง อีกหนึ่งพันธุ์ไม้ที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงาม ทนทาน ตายไม่ยาก ยิ่งในช่วงหลัง ๆ มานี้ที่มีผู้คนเริ่มให้ความสนใจกับการปลูกต้นไม้ ต้นหูกระจงพันธุ์นี้ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยให้ทุกคนที่กำลังมองหาต้นไม้สวย ๆ แบบยืนต้นได้ประสบการณ์การปลูกต้นไม้ใหม่ ๆ ได้ และที่สำคัญ หากใครกำลังมองหาต้นไม้ยืนต้นราคาเริ่มต้นถูก ๆ สามารถอยู่กับเราไปได้ยาวนาน ก็ไม่มีเหตุผลที่คุณจะมองข้ามต้นนี้ไป ถ้าอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมล่ะก็ตามเข้ามาได้เลย

“หูกระจงแดงสวยๆ” คลิกที่นี่

หูกระจงแดง ต้นไม้พันธุ์งาม ปลูกอย่างไรก็ไม่ตาย

หูกระจงแดง

หูกระจงแดง ต้นไม้หายาก ความสวยงามนับว่าเกินบรรยาย ลักษณะของเขานั้นจะเป็นต้นที่ยืนสูงประมาณ 5-10 เมตร จุดเด่นคือในส่วนของใบที่มีลักษณะเป็นใบเรียวแฉก ๆ ซึ่งมีคนจำนวนไม่น้อยที่เห็นครั้งแรกจะคิดว่าเป็นใบกัญชา แต่ความแตกต่างคือสีของเขาที่เป็นสีแดงอมม่วงและจะมีสีเขียวคล้ำปน ๆ เข้าไปเล็กน้อย และอีกจุดเด่นที่อาจเป็นจุดขายซึ่งมีต้นไม้น้อยมากจะเลียนแบบได้คือ ใบของเขาจะล่วงยากมาก ถ้าเทียบกับต้นหูกระจงธรรมดาแล้วพันธุ์นั้นจะใบเล็ก ๆ และร่วงง่ายมากเลย และ หูกระจงแดง ดูแล ได้ง่ายไม่ยากเท่าไหร่ แต่ข้อเสียของเขาคือจะโตค่อนข้างช้ากว่าต้นหูกระจงทั่วไปอย่างมาก

หูกระจงแดงอึดทนอยู่นาน สารพัดประโยชน์

แน่นอนว่าความสวยงามอันโดดเด่นของเขาคือจุดขายที่สู้กับพืชพันธุ์อื่น ๆ ได้ง่ายดาย จึงเป็นผลดีมากเมื่อนำเขาไปปลูกเพื่อประดับในรั้วบ้าน แม้เมื่อโตเต็มที่เขาจะไม่ได้แผ่ใบออกจนสร้างร่มเงาได้กว้างใหญ่เท่าไม้ยืนต้นขนาดใหญ่พันธุ์อื่น ๆ แต่สีสันของเขาก็โดดเด่นสะดุดตาเมื่อไปอยู่คู่กับอาคารหรือบ้านเรือนก็จะช่วยสร้างสีสันให้ไม่น่าเบื่อและสวยงามได้ดีมาก นอกจากนี้ยังมีการนำไปทำเป็นยาเพื่อช่วยรักษาโรคติดเชื้อทางผิวหนังและโรคท้องเสียได้ด้วย

ต้นหูกระจง ข้อเสีย คือเติบโตช้าไม่ทันใจ

หูกระจงแดง

หูกระจงแดง แม้จะต้องใช้ระยะเวลานานมากเพื่อให้เขาเติบโตเต็มที่ แต่ วิธีปลูกต้นหูกระจงแดง รวมไปถึงการดูแลกลับง่ายกว่าต้นไม้พันธุ์อื่น ๆ เสียอีก เพราะสามารถปลูกได้ในดินร่วนทั่ว ๆ ไปหรือถ้ามีเพียงดินร่วนปนทรายก็สามารถปลูกได้เช่นกัน และปริมาณน้ำที่ต้องการนั้นจะอยู่ที่ 2-3 วันต่อหนึ่งครั้งเพียงเท่านั้น ซึ่งตอนเริ่มปลูกนั้นสามารถเลือกได้ว่าจะปลูกลงดินเลยหรือจะปลูกในกระถางเล็ก ๆ ก่อนก็ได้เช่นกัน และที่สำคัญเขายังชอบแดดเป็นอย่างมาก สามารถปลูกกลางแดดได้เลย
หูกระจงแดง ราคา จะขึ้นอยู่กับขนาด ปัจจุบันสามารถหาซื้อได้ในราคาเริ่มต้นเพียง 60 บาทเท่านั้น หรือหากใครอยากได้เป็นต้นที่โตแล้วพร้อมเอาลงดินได้เลยก็มีตั้งแต่หลักพันบาทเป็นต้นไป หาซื้อได้ง่ายและไม่แพงเกินไปสำหรับความสวยงามระดับนี้

Categories
ต้นไม้มงคล

ว่าน 4 ทิศ ไม้มงคลดอกสีแดงสดใส ที่กำลังฮอตฮิต

ว่าน 4 ทิศ หนึ่งในพืชไทยที่ไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะด้วยความสวยงามของต้นและดอกที่โดดเด่นสะดุดตา สีแดงอันร้อนแรงและสดใสนี้คงช่วยให้ใครหลายคนรู้สึกสบายใจหรือมีความสุขไม่น้อย ทั้งคนที่ผ่านมาเห็นหรือเจ้าของต้นไม้ที่ปลูกเลี้ยงดูแลจนเกิดดอกออกผลเช่นนี้ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นทั้งไม้มงคลที่มีผลต่อความเชื่อของใครหลาย ๆ คนมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว หากใครกำลังมองหาและอยากได้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับต้นว่านสี่ทิศล่ะก็ ตามมาได้เลย

ว่าน4ทิศ ราคา” คลิกที่นี่

ว่าน 4 ทิศ โดดเด่นแถมมีประโยชน์

ว่าน 4 ทิศ

ว่าน 4 ทิศ มีลักษณะเด่น ๆ เลยคือดอกของเขาที่มีสีสันสีแดงสดใส จะออกดอกเป็นช่อที่ปลายก้านซึ่งจะมีรวมกันอยู่ประมาณ 4-8 ดอกด้วยกัน ดอกมีลักษณะคล้ายกับรูปถ้วย ทั้ง 6 กลีบจะเป็นสีแดง หรือบางทีก็จะมีให้เห็นทั้งเป็นสีแดง สีชมพู และสีขาวแบบรวม ๆ กันในดอกเดียวด้วย โดย ว่าน4ทิศออกดอก ในช่วงเดือนพฤษภาคมไปจนถึงเดือนมิถุนายน แม้จะเป็นช่วงสั้น ๆ แต่ก็สวยงามมากเป็นพิเศษเลย

            ว่าน4ทิศสรรพคุณ นั้นก็มีคุณประโยชน์ในการนำมาใช้ด้วยเช่นกัน โดยตัวเขาสามารถนำมาตำผสมกับเหล้า 40 ดีกรีและนำมาพอกร่างกายในบริเวณที่เป็นฝีเพื่อรักษาได้ ไม่ว่าจะเป็นฝีมะม่วง ลำมะลอก ฝีหัวเดือย ฝีมะตอย หรือฝีประคำร้อยก็สามารถรักษาเบื้องต้นด้วยวิธีนี้ได้ทั้งนั้น

ว่าน 4 ทิศต้นไม้ปลูกขึ้นง่าย พร้อมบอก วิธีปลูกว่าน สำหรับมือใหม่

ว่าน 4 ทิศ

ว่าน 4 ทิศจัดอยู่ในประเภทของพืชที่ไม่จำเป็นต้องดูแลมากนัก หรือเรียกง่าย ๆ ว่าปลูกง่ายโตไวนั่นเอง โดย ว่าน4ทิศ วิธีปลูก จะใช้ดินปนทราย และใช้น้ำในการปลูกไม่มากนักเพื่อให้ความชื้นอยู่ในระดับปานกลาง ขณะเดียวกันต้นว่านสี่ทิศเองก็ชื่นชอบแสงแดดเป็นอย่างมาก จึงจำเป็นต้องปลูกเขาในบริเวณกลางแจ้งหรือสามารถโดดแดดได้ดี อากาศถ่ายเท แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแม้เขาจะไม่ต้องการน้ำมากก็ควรเช็คหน้าดินอยู่ตลอดเพราะอาจแห้งเกินไปจากการโดนแดดอยู่ตลอด ซึ่งเราสามารถเติมความชื้นให้เขาได้ในกรณีนี้ เพียงเท่านี้ต้นสี่ทิศก็จะเติบโตดีออกดอกสะพรั่งแล้ว

ว่าน 4 ทิศเสริมดวงและบารมี

            นอกจากนี้ ต้นว่านสี่ทิศยังจัดอยู่ในหมวดของพืชมงคลอีกด้วยนะ โดย ว่านสี่ทิศ ความเชื่อ มีอยู่ว่าเขาเปรียบเสมือนต้นไม้เสี่ยงทาย ถ้าปลูกเขาให้สามารถออกดอกได้พร้อมกันสี่ดอก จะทำให้มีโชคลาภมาหาผู้ที่ปลูก หน้าที่การงานหรือสิ่งที่หวังก็จะประสบความสำเร็จด้วย แต่หากออกดอกไม่ครบ หรือออกเพียงแค่ 3 หรือ 2 ดอก จะเป็นการบอกว่าผู้ที่ปลูกดวงกำลังตกและอาจเกิดเหตุไม่คาดคิด ทั้งนี้ทั้งนั้นก็นับว่าเป็นต้นที่มีประโยชน์ทั้งทางด้านกายภาพและความเชื่อที่ถือว่าคุ้มมากในการปลูก

Categories
ต้นไม้มงคล

เล็บครุฑ ไม้มงคลทรงเอกลักษณ์ พืชพันธุ์ยอดฮิต

เล็บครุฑ ต้นไม้ที่หลายคนกำลังตามหา เพราะด้วยลักษณะที่ที่เป็นพุ่มดูน่ารักสบายตา เหมาะกับทุกคนที่ต้องการปลูกเพื่อประดับบ้านในมุมต่าง ๆ และด้วยเอกลักษณ์ของใบที่แตกต่างไม่เหมือนใคร นอกจากนี้แล้วยังเหมาะกับคนไทยอย่างเรา ๆ ที่เชื่อเรื่องมงคลเสริมดวง เพราะนี่คือไม้แห่งความมงคลที่มีเสียงเล่าลือกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ หากใครก็ตามที่กำลังมองหาต้นไม้ประดับบ้านที่เป็นไม้มงคลเสริมบารมีเช่นนี้ ขอบอกเลยว่าห้ามพลาดจริง ๆ

“ต้นเล็บครุฑ ร้านขาย” คลิกที่นี่

เล็บครุฑ ปลูกขึ้นง่าย ต้นเล็บครุฑ กินได้ มีประโยชน์โดยตรงและเสริมมงคล

เล็บครุฑ

เล็บครุฑต้นไม้ที่คนนิยมปลูกกัน ต้นเล็บครุฑ ลักษณะ จะเป็นพุ่มที่สูงตั้งแต่ 1-3 เมตร และจะมีพันธุ์แคระที่สูงเพียง 20-60 เซนติเมตร ซึ่งดูโดยรวมแล้วในพันธุ์ปกติของเขาก็นับว่าเป็นต้นไม้พุ่มขนาดกลาง ๆ ค่อนข้างเล็ก จะมีเปลือกไม้เป็นสีน้ำตาลแดงถึงน้ำตาลเข้มปนดำ สีของใบจะออกเขียวอ่อน ๆ หรือเข้มบ้าง ใบจะค่อนข้างอ่อนบาง เมื่อต้นออกดอกจะอยู่ที่บริเวณปลายยอดสุดของลำต้น ช่อของดอกจะใหญ่แตกแขนงย่อยหลาย ๆ กิ่ง

            เล็บครุฑไม้มงคลที่มาพร้อมกับความเชื่อ

            ต้นเล็บครุฑ ความเชื่อ เป็นอะไรที่ส่งต่อกันมาตั้งแต่โบราณเลยก็ว่าได้ ซึ่งเชื่อกันว่าถ้าปลูกในเขตรั้วบ้านจะช่วยปกป้องจากสิ่งอันตรายรวมไปถึงสิ่งอัปมงคลทั้งปวงที่พยายามจะเข้ามาปองร้าย นอกจากนี้ยังเสริมในเรื่องการเงินและอำนาจในด้านต่าง ๆ ทั้งความรักและสถานะทางสังคมให้มีแต่ผู้คนเข้ามาเคารพ

เล็บครุฑเลี้ยงง่ายดูแลไม่ยาก ต้นเล็บครุฑ ขยายพันธุ์ ง่ายกว่าพืชทั่วไป

เล็บครุฑ

เล็บครุฑ สามารถขยายพันธุ์ได้หลากหลายวิธี ต้นเล็บครุฑ วิธีดูแล ก็ง่ายมาก ๆ ต้นเล็บครุฑนั้นเป็นพืชที่มีความต้องการแสงแล้วแต่สายพันธุ์ของเขา ซึ่งมีทั้งพันธุ์ที่ต้องการแสงเต็ม ๆ ไปเลยครึ่งวัน ต้องการแสงแดดรำไรนิดหน่อย หรือบางพันธุ์ก็ต้องการเพียงแค่ให้เขาอยู่ในที่ร่มก็เพียงพอแล้วก็มี หากใครต้องการเจาะลึกเรื่องนี้จำเป็นต้องศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมอีกพอสมควร

ต้นเล็บครุฑวิธีดูแล เบื้องต้น

ส่วนใหญ่แล้ว ต้นเล็บครุฑจะต้องการน้ำในระดับปานกลาง อาจจะให้น้ำเขา 4-7 วันต่อหนึ่งครั้ง แต่ขณะเดียวกันก็ต้องหมั่นสังเกตหน้าดินด้วยว่าจะต้องไม่แห้งหรือชื้นจนเกินไป หากเป็นพันธุ์ที่เลี้ยงกลางแดดอาจต้องเช็คบ่อย ๆ และหากเห็นว่าดินแห้งจะต้องคอยเพิ่มน้ำให้ดินชื้นทันที โดยดินที่ใช้ปลูกก็จะเป็นดินร่วนผสมเข้ากับดินทราย และหากใครที่อยากดูแลต้นครุฑอย่างเต็มที่ก็สามารถใช้ปุ๋ยคอกเพื่อบำรุงดินและต้นไม้ อาจจะปีละ 4-6 ครั้งในอัตราส่วนต้นละไม่เกิน 1 กิโลกรัมก็มากพอแล้ว เพียงเท่านี้ก็สามารถปลูก ต้นเล็บครุฑ ไม้มงคล ไว้เสริมบารมีในบ้านได้แบบง่าย ๆ เลย

ต้นเล็บครุฑไม้มงคล ราคา

 ถ้าต้นเล็กจะมีราคาตั้งแต่ 20 บาทขึ้นไปจนถึงหลักพัน

Categories
ต้นไม้มงคล

กุหลาบหิน ไม้พุ่มอวบน้ำ ที่อายุนานหลายปี

กุหลาบหิน

กุหลาบหิน อยู่ในสปีชีส์ (K.blossfeldiana) ไม้สกุลนี้เป็นไม้พุ่ม อวบน้ำ และสามารถมีอายุอยู่ได้นานหลายปีเลยทีเดียว  และมีถิ่นกำเนิดมาจากมาดากัสกา แอฟริกาและเอเชีย พืชพันธุ์นี้นั้นเหมาะกับการปลูกในกระถางมากกว่าปลูกลงดิน แต่ก่อนหน้านั้นกุหลาบหินจะมีลำต้นที่สูง แต่พอในปัจจุบันได้มีการผสมพันธุ์ต่าง ๆ จากการกระจายพันธุ์ จนได้พันธุ์ใหม่ที่มีลำต้นเตี้ย มีการเลี้ยงที่ง่าย

กุหลาบหิน ลักษณะทั่วไปที่คนปลูกต้องศึกษาก่อน

กุหลาบหิน

กุหลาบหิน ไม้ประดับที่มีความสวยงาม สะดุดตา สามารถปลูกง่าย แตกหน่อได้ไว หากต้องการที่จะเพิ่มจำนวนได้อย่างรวดเร็ว โดยที่จะออกดอกสวยงามให้คุณในช่วง เดือน พฤศจิกายน ถึง มีนาคม โดยภายใน 1 ปีนั้น ต้นกุหลาบหิน จะออกดอกเพียงครั้งเดียว มีลักษณะเป็นใบเดี่ยว มีปลายหยักโค้ง ดอกกุหลาบหิน จะออกดอกหลายสี ออกดอกเป็นช่อ สามารถเลี้ยงเป็นไม้ประดับหรือไม้มงคลเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับผู้ปลูกได้อีกด้วย โดยการ ปลูกกุหลาบหิน นั้นดินที่เตรียมไว้ไม่ควรมีความแฉะมากนัก ใช้พวกดินทรายได้ แต่ดินที่ปลูกควรต้องสามารถระบายน้ำได้ดี

ต้นกุหลาบหิน กับวิธีการดูแลรักษาหลักการปลูกที่คุณควรรู้

กุหลาบหิน

กุหลาบหิน นั้นมีวิธีการดูแลรักษาที่ง่ายมาก ไม่มีความซับซ้อน การดูแลกุหลาบหิน นั้นมีอยู่เพียงไม่กี่ข้อ สำหรับทุกคนที่กำลังต้องการจะ ปลูกกุหลาบหิน หลังจากปลูกมีการดูแลรักษายังไง เรามาตามดูกันเลย ! ต่อให้บางคนไม่มีเวลามากก็สามารถปลูกได้ เพียงแค่คุณรู้จักวิธีการดูแลรักษาหลังปลูกได้อย่างถูกต้อง

  1. ต้นกุหลาบหิน เป็นพืชที่ปลูกง่าย มีความทนทานมาก
  2. แนะนำให้ปลูกกลางแจ้งหรือตรงที่แสงแดดโดนได้ เพราะไม้พันธุ์นี้ชอบแสงแดดจัด
  3. สามารถปลูกภายในอาคารหรือบ้านได้ แต่ ต้นกุหลาบหิน นั้นจะไม่ออกดอก มีใบที่ออกสีเขียวเข้ม
  4. ในการรดน้ำนั้น ใน 1 อาทิตย์ สามารถรดน้ำเพียง 1-2 ครั้งก็พอ เพราะพืชชนิดนี้นั้นไม่ชอบน้ำมากนัก เลยไม่จำเป็นต้องรดน้ำทุกวัน
  5. ในระหว่างการลดน้ำ สามารถใช้ปุ๋ยละลายน้ำ เพื่อช่วยการเจริญเติบโต ให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น
  6. ควรปลูกในกระถางที่สามารถระบายน้ำได้ดี

ช่องทางการสั่งซื้อ/เลือกดูพันธุ์ต่างๆ พันธุ์ไม้สวยๆ คลิ๊กได้ที่นี่

ต้นกุหลาบหิน ชื่อแปลกแต่แฝงเรื่องความเชื่อ

ต้นกุหลาบหิน ยังมีสายพันธุ์อีกหลายชนิด ซึ่งบางชนิดนั้นไม่สามารถพบเจอในประเทศไทยได้ อีกทั้งยังเป็นต้นไม้ที่ชื่อแปลก ที่มีความสวยงามแบบไม่เหมือนใคร แต่ก็ยังแฝงไปด้วยความเชื่อ หากปลูกแล้วจะช่วยเป็นเคล็ดลับเสริมดวงในเรื่องของการเงินอีกด้วย

Categories
ต้นไม้มงคลปลูกหน้าบ้าน

ดาวล้อมเดือน ไซซ์เล็กน่ารักแต่คุณภาพไม่เล็ก

กลับมาอีกครั้งกับการแนะนำต้นไม้พันธุ์ต่าง ๆ ในไทยที่กำลังเป็นกระแสฮิต ๆ ในช่วงนี้ เพราะว่าความเป็นมินิมอลและสไตล์โมเดิร์นเรียบ ๆ หรู ๆ กำลังงอกเงยในสังคมไทยเป็นอย่างมาก สังเกตได้จากร้านกาแฟทั้งหลายในกรุงเทพหรือแม้แต่ต่างจังหวัดในที่ไกล ๆ ก็ยังตกแต่งได้สวยงามแบบนั้นเช่นเดียวกัน วันนี้จึงอยากมาแนะนำอีกหนึ่งต้นไม้ที่น่าสนใจพอจะเอาไปประดับให้เก๋ไก๋ได้ นั่นก็คือดาวล้อมเดือน ต้นเล็กน่ารักมาก ๆ ผู้หญิงสายหวานหรือผู้ชายแนวเกาหลีสไตล์ต้องชอบอย่างแน่นอน ถ้าพร้อมแล้วก็ตามกันมาได้เลย

ดาวล้อมเดือน ต้นไม้ที่ทุกคนควรครอบครอง

ดาวล้อมเดือน

ดาวล้อมเดือน หรือในชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Echinopsis calochlora K.Schum. เป็นพืชจากในตระกูลเดียวกับแคคตัสหรือที่เรียกกันว่าต้นกระบองเพชร มีต้นกำเนิดมาจากแถบแอฟริกาใต้ สามารถสังเกตความเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของเขาได้จากหนามจำนวนมากที่เรียงรายเต็มทั่วลำต้น แต่จะเป็นหนามที่ค่อนข้างเล็กกว่าพันธุ์อื่น ๆ ที่เคยเห็นทั่วไป

          โดยลักษณะของดาวล้อมเดือน เขาจะเป็นพืชที่อวบน้ำ จะมีสิ่งที่เรียกว่าต้นแม่ เป็นลำต้นที่อยู่เป็นแกนกลางคอยค้ำยันให้ส่วนต่าง ๆ เติบโตขยายขึ้นโดยยึดจากแกนนี้ จึงถูกเรียกกันอย่างติดปากว่าเป็นต้นแม่ และถูกเปรียบเทียบให้เป็น เดือน ส่วนต้นเล็ก ๆ ส่วนข้าง ๆ ที่เติบโตและยึดเกาะจากแกนอันเดิมนี้จะถูกเปรียบเทียบให้เป็น ดาว ด้วยลักษณะของต้นเล็กที่อยู่ล้อมรอบต้นแม่เช่นนี้เอง จึงนำมาสู่การตั้งชื่อให้กับกระบองเพชรพันธุ์นี้ว่า ดาวล้อมเดือน

          จุดที่ดาวล้อมเดือนต่างไปจากแคคตัส พันธุ์ต่างๆ คือสีของลำต้นของเขาที่จะออกเป็นสีเขียวใบตอง เป็นสีเขียวนวล ๆ ดูสบายตา ส่วนพันธุ์อื่น ๆ นั้นจะมีสีเขียวเข้ม เขาจะมีพูย่อยออกเป็น 10 พูอยู่ด้านบน โดยบริเวณนั้นจะมีหนามงอกออกมาเป็นแนวยาว เป็นหนามสีเหลืองอ่อน ๆ และจะมีเป็นตุ่มเล็ก ๆ อยู่ที่หนาม ซึ่งจุดนี้จะเป็นที่ที่ให้ดอกแคคตัสของเขาได้งอกออกมา กระบองเพชร ดาวล้อมเดือนจะมีดอกให้เห็นกันในช่วงหน้าร้อน เป็นดอกสีขาวค่อนข้างใหญ่เป็นพิเศษ และในปัจจุบันก็มีบางพันธุ์ที่ถูกพัฒนาให้ดอกเป็นสีชมพูอ่อนและชมพูเข้มด้วย

ดาวล้อมเดือน

โดยปกติของ CACTUS ต้องบอกว่าเป็นต้นไม้ที่เลี้ยงง่ายอยู่แล้ว บางคนที่เคยเห็นการเลี้ยงของคนที่รู้จักหรือคนอื่น ๆ ทั่วไปและมองว่าเขาไม่ค่อยดูแลเลย หรือไม่ค่อยใส่ใจ ทิ้งให้น้องดาวล้อมเดือนอยู่แบบนั้นไม่ค่อยได้รดน้ำหรือทำอะไรเท่าไร ก็อยากให้รู้ไว้ก่อนอันดับแรกว่าด้วยความอึดถึกทนของเขาตั้งแต่แรกที่วิวัฒนาการมาจนถึงทุกวันนี้ได้ ทำให้เขาแทบจะอยู่รอดได้โดยไม่ต้องพึ่งเราเลยด้วยซ้ำ (ยกเว้นตอนเพาะพันธุ์นะ)

          ดาวล้อมเดือนแคคตัสที่สามารถอยู่ได้ทุกสภาพอากาศ ไม่ว่าหน้าร้อน หน้าหนาว หรือหน้าฝน ทำให้การดูแลเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก สิ่งที่เราต้องทำคือให้สังเกตว่าดินของเขามีความชุ่มชื้นหลงเหลืออยู่ไหม หากว่าไม่ก็ให้รดน้ำเติมลงไปแต่ไม่ต้องรดในปริมาณที่มากเกินไปและไม่ควรรดน้ำให้เขาบ่อยด้วยนะ ว่ามีโอกาสที่จะทำให้เขาเน่าตายได้ จากนั้นเราก็คอยสังเกตเขาเหมือนเดิม โดยปกติแล้วการรดน้ำหนึ่งครั้งสามารถอยู่ได้ประมาณ 2-3 วัน ขึ้นอยู่กับบริเวณสถานที่ที่เรานำเขาไปตั้งไว้ หากอยู่ในห้องที่ไม่ร้อนเลยบางทีก็สามารถอยู่ได้ถึงประมาณ 4-5 วันเลยโดยไม่ต้องรดน้ำเพิ่มเลยด้วยนะ

          หากใครอยากใส่ปุ๋ยเพื่อให้ดาวล้อมเดือนสุขภาพดีก็ทำได้นะ แต่แนะนำว่าใส่อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้งก็เพียงพอแล้ว และแน่นอนว่าเขาเป็นพืช เพราะฉะนั้นการได้รับอาหารไม่ใช่เพียงจากดินและน้ำเท่านั้น แต่เป็นการสังเคราะห์แสงด้วย เราก็ควรนำเขาไปวางในที่ที่จะทำให้มีแดดสาดส่องเข้ามาถึง ไม่ว่าจะแดดอ่อนบางแค่ไหน หรือแดดร้อนจัดแค่ไหน เขาก็สามารถดำรงอยู่ได้ทั้งนั้น เพียงแค่ต้องระวังเรื่องความชื้นของดินที่แปรผันตามแสงแดดเท่านั้นเอง

ดาวล้อมเดือน

และสำหรับใครที่ต้องการปลูกดาวล้อมเดือนเองกับมือ ไม่อยากได้จากการซื้อและนำมาเลี้ยงต่อ ก็สามารถทำได้เช่นกัน หลัก ๆ แล้ววิธีการเพาะพันธุ์ของเขาจะมีอยู่ทั้งหมด 2 วิธีคือ 1.วิธีการชำหน่อ จากที่ทุกคนสังเกตเห็นและเราได้กล่าวไปข้างต้น แคคตัสดาวล้อมเดือนนับว่าเป็นอีกหนึ่งพันธุ์ที่มีหน่อเยอะมาก การเพาะพันธุ์ด้วยวิธีนี้จึงรวดเร็วและได้จำนวนที่เยอะสุด ๆ วิธีทำก็ง่ายมาก ๆ คือเด็ดหน่อของเขาออกมาดูว่าตำแหน่งที่ฉีกขาดนั้นมีรอยแผลใหญ่ไหม ถ้าใช่ก็ให้พักเขาทิ้งไว้ให้แผลส่วนนั้นแห้งลงก่อน เมื่อแห้งก็ให้นำลงดินและปลูกต่อได้เลยทันที หรือถ้าไม่มีรอยแผลเลยก็ปลูกได้เลยทันที เสร็จจากนั้นก็รดน้ำดูแลเขาได้อย่างปกติรอวันที่เขาโตได้เลย

          ส่วนอีกวิธีหนึ่งเหมาะสำหรับสายแอดวานซ์ที่เชี่ยวชาญในการดูแลต้นไม้ดาวล้อมเดือนมาเป็นอย่างดี วิธีที่ 2.เป็นการขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด เราจะทำได้จากการผสมเกสรดอกของต้นดาวล้อมเดือน กระบองเพชร แบบข้ามต้นด้วยนะ วิธีนี้ไม่สามารถทำได้ในต้นเดียวกัน จากนั้นให้รอจนติดเป็นฝัก และค่อยนำเมล็ดของเขาไปล้างเมือกออก จากนั้นให้ทิ้งไว้จนแห้ง ประมาณ 2-3 วัน และค่อยนำไปลงดิน โดยดินที่ใช้จะผสมไปด้วย กรวด ทราย และดิน สามสิ่งนี้จะแยกจากกันไม่ได้สำหรับต้นกระบองเพชร นำเมล็ดที่แห้งดีแล้วโรยบนดิน จากนั้นก็พรวนดินเบา ๆ เล็กน้อยและรดน้ำ แค่นี้ก็รอเวลาโตของเขาได้เลยเช่นเดียวกับวิธีที่หนึ่ง แต่ก็ขอเตือนไว้อีกเรื่องเช่นกันว่าเป็นวิธีที่ค่อนข้างยาก หากไม่เชี่ยวชาญจะทำให้เสียเวลาไปเยอะพอสมควรเลย

          ส่วนข้อดีของดาวล้อมเดือน แม้คนส่วนใหญ่จะเห็นว่าก็แค่ต้นไม้ที่น่ารัก ๆ วางตรงไหนก็สวยตรงนั้น หรือมีดอกไม้บ้างนิดหน่อยก็แค่นั้นไม่เห็นมีอะไรแตกต่างไปจากต้นไม้ต้นอื่น ๆ ที่เขากำลังฮิตกันตอนนี้เลย ขอบอกเลยว่านี่เป็นความคิดที่ผิดสุด ๆ เพราะข้อดีนอกเหนือจากที่กล่าวไปนั้น ดาวล้อมต้นกระบองเพชรดาวล้อมเดือนยังช่วยในการฟอกอากาศให้ดีขึ้นได้ด้วยนะ แน่นอนว่าต้นไม้ทุกชนิดบนโลกจะต้องผลิตออกซิเจนออกมาอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ แต่กระบองเพชรพันธุ์นี้สามารถดูดสารพิษในอากาศให้ออกไปได้ด้วย

          และนอกจากนี้ ดาวล้อมเดือนที่ได้พูดถึงที่มาของเขาไปแล้วในข้างต้นนั้น แต่ก็ยังมีความเชื่ออยู่อีกด้วยว่า หากใครได้เลี้ยงต้นไม้พันธุ์นี้ เขาจะช่วยในเรื่องของการเสริมดวงและบารมีให้แก่ผู้ปลูกและผู้ดูแล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของอำนาจและบริวาร หากใครที่เป็นเจ้าคนนายคนแต่ดูจากภายนอกแล้วไม่ค่อยมีรัศมีของการเป็นผู้นำ

ดาวล้อมเดือนก็สามารถช่วยเสริมในด้านนี้ให้ผู้เป็นบริวารเชื่อฟังมากขึ้นได้ด้วย และนอกจากนี้แล้ว บริวารก็ไม่ใช่เพียงลูกน้องหรือลูกจ้างเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงคนที่จะเข้ามาจีบ เข้ามาทำความรู้จัก หรือคนที่อยากจะเข้ามาศึกษากับเราให้มีเยอะมากขึ้น และหากใครที่ไม่มีก็จะทำให้มีในเร็ววัน ขอบอกเลยว่าเป็นต้นไม้จิ๋ว ๆ เล็ก ๆ น่ารัก ๆ แต่กลับมีพลังอิทธิฤทธิ์ที่สูงส่งยิ่งใหญ่มาก ๆ เลย

ดาวล้อมเดือน

ต้นไม้ที่คุ้มค่า คุ้มราคา ต้องดาวล้อมเดือน

          ก็จบไปแล้วสำหรับการมาแนะนำ ดาวล้อมเดือนอีกหนึ่งในพันธุ์ของต้นกระบองเพชรที่น่าสนใจที่จะนำมาครอบครองเป็นที่สุด เพราะนอกจากความสวยงามและน่ารักของเขาที่สามารถนำไปประดับได้ทุกมุมห้องหรือเรียกได้ว่าแทบจะทุกสถานที่แล้วนั้น ยังดูแลง่าย ปลูกง่าย เอาลงกระถางเพียงไม่กี่วันก็โตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแล้ว หากปลูกแล้วจะไม่รู้สึกเสียเวลาเหมือนต้นไม้พันธุ์อื่น ๆ แน่นอน

และนอกจากนี้ ด้วยความเป็นต้นไม้ฟอกอากาศและต้นไม้มงคลในเวลาเดียวกัน หากยิ่งปลูกก็ยิ่งดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพใจ ยิ่งปลูกยิ่งบารมีจับ มีออร่า ประหนึ่งกำลังบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันเลย และที่สำคัญ ต้นดาวล้อมเดือนสามารถหาซื้อได้ง่าย มีขายตามร้านต้นไม้ทั่วไป และราคายังถูก สามารถจับต้องได้ด้วย เพียงเริ่มต้นแค่หลักสิบไปจนถึงหลักร้อยเท่านั้น หากใครกำลังมองหาต้นไม้ดี ๆ และมีความหมาย ของลองดาวล้อมเดือน

Categories
Uncategorized

แคคตัสยิมโน สีสันสวยงามสดใส เหมาะกับวัยรุ่นยุคใหม่ในตอนนี้

ต้นไม้นับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญสุด ๆ ในโลกของเรา ช่วงหนึ่งมันไม่ได้ถูกพูดถึงในแง่ของความสำคัญสักเท่าไร แต่เมื่อมีการรณรงค์ให้ช่วยกันรักษากลับดูไม่ได้มีผลที่ดีขนาดนั้น จนมาถึงในยุคนี้ที่กระแสของต้นไม้ถูกไปผูกโยงเข้ากับซีรีส์เกาหลีและความมีสไตล์จากการถ่ายรูปลงไอจี ซึ่งในวันนี้เราจึงอยากมาแนะนำต้นกระบองเพชรพันธุ์หนึ่งที่มีสีสันสวยสด ไม่ใช่สีเขียวน่าเบื่อ ๆ อย่างที่ทุกคนนึงถึงอีกต่อไป และนั่นก็คือ แคคตัสยิมโน

แคคตัสยิมโน เลี้ยงง่าย โตง่าย ดูแลง่าย

          แคคตัสยิมโนหรือชื่อเต็ม ๆ ของเขาว่ายิมโนคาไลเซียม เป็นหนึ่งในต้นไม้ที่ตอนนี้เหล่าฮิปสเตอร์ทั้งหลายมักชื่นชอบและซื้อไปปลูกกันอย่างล้นหลาม มีต้นกำเนิดมาจากทวีปแอฟริกาใต้ โดยเขาจะมีหนามที่เป็นรูปทรงและขนาดที่แตกต่างหลากหลายภายในต้นเดียว ลำต้นของเขาจะเป็นทรงกลม ๆ หรือไม่ก็จะเป็นแบน ๆ บริเวณตุ่มหนามจะมีดอกยิมโนออกที่ปลายยอด ซึ่งดอกของเขามีหลายสีอย่างมากไม่ว่าจะเป็น สีชมพู สีขาว สีเขียว สีเหลือง และสีส้ม โดยปกติแล้วดอกของเขาจะเริ่มบานออกในช่วงตอนกลางวัน แต่เมื่อพอตกกลางคืนดอกแคคตัสก็จะหุบลง           สิ่งหนึ่งที่ทำให้แคคตัสยิมโนนั้นแตกต่างไปจากแคคตัส พันธุ์ต่างๆ ก็คือแม้จะมีผลที่รสชาติไม่ได้ดีเลิศ แต่เป็นเพราะว่าความสวยงามบนตัวและดอกของเขาซึ่งมีสีสันเยอะมาก ๆ อย่างที่กล่าวไปข้างต้น และเราอยากจะพาทุกท่านไปรู้จักกับตระกูลของยิมโน อีก 3 พันธุ์ซึ่งเพิ่งถูกคิดค้นมาเมื่อไม่นานมากนี้เอง และตอนนี้ก็ยังค่อยมีใครพูดถึงอีกด้วย

          เป็นอีกหนึ่งในแคคตัสยิมโนที่ถูกเพาะพันธุ์จากกระท่อมลุงจรณ์ ความโดดเด่นของเขาคือความสดใสและเป็นสีโทนสว่าง ๆ จากสีชมพู จึงทำให้เป็นพันธุ์ที่มีสีโดดกว่าแทบจะทุกพันธุ์เลยก็ว่าได้

แคคตัสยิมโน

1.พันธุ์ซีเปีย

          นี่คือแคคตัสยิมโนที่ถูกเพาะพันธุ์มาจากเจ้าของสวน กระท่อมลุงจรณ์ ที่นี่เป็นจุดกำเนิดของพันธุ์นี้รวมถึงพันธุ์อื่น ๆ ของต้นกระบองเพชรเพราะที่นี่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ที่นิยมอย่างมากเป็นอันดับที่ 1 เลย โดยซีเปียจะมีจุดเด่นตรงที่ว่าเป็นยิมโนสีออกน้ำตาลแดงและมีลายเขียว

แคคตัสยิมโน

2.พันธุ์พิงค์ไดมอนด์

เป็นอีกหนึ่งในแคคตัสยิมโนที่ถูกเพาะพันธุ์จากกระท่อมลุงจรณ์ ความโดดเด่นของเขาคือความสดใสและเป็นสีโทนสว่าง ๆ จากสีชมพู จึงทำให้เป็นพันธุ์ที่มีสีโดดกว่าแทบจะทุกพันธุ์เลยก็ว่าได้

แคคตัสยิมโน

3.พันธุ์Vos

          สำหรับแคคตัสยิมโนสายพันธุ์นี้ถูกค้นพบโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน ลักษณะของมันแทบจะไม่เหลือความเป็นกระบองเพชรแล้วด้วยซ้ำ เพราะหนามที่มีก็หายไปหมด รวมถึงหน่อของดอกที่งอกขึ้นมาก็ค่อนข้างแปลกประหลาดไปพอสมควร นับว่าเป็นอีกหนึ่งพันธุ์ที่น่าสนใจมาก ๆ

          สำหรับการเพาะพันธุ์หรือขยายพันธุ์แคคตัสยิมโน ในวันนี้จะมาแนะนำตั้งแต่การผสมเกสรและการเพาะเมล็ด เราจะเริ่มกันจากนำเขามาทั้ง 2 ต้นที่ออกดอกแล้วและบานเต็มที่แล้วเรียบร้อย เราจะนำสองดอกของสองต้นนี้มาผสมเกสรกันด้วยการเอาเกสรของตัวผู้ไปจิ้ม ๆ กับเกสรของตัวเมียของอีกต้น และหลังจากนั้นให้เราตัดตรงขั้วดอกของทั้ง 2 ต้นออกและคีบเอาเกสรตัวผู้ที่ลักษณะมันดูเป็นผง ๆ ตรงปลายดอกไปไว้ในเกสรของตัวเมียที่อยู่อีกต้นหนึ่ง

          เสร็จแล้วก็รอจนเริ่มเห็นเป็นฝักตรงเกสรเปลี่ยนสีและเริ่มบวมเปล่งออกเปลี่ยนเป็นสีที่เข้มขึ้น ซึ่งในขั้นตอนนี้จะใช้ระยะเวลาประมาณเต็มที่อยู่ที่ 2 เดือน หรือหากเร็วก็จะอยู่ที่ 1 เดือนเท่านั้นฝักเมล็ดจึงจะสุกเต็มที่ เสร็จแล้วเราก็นำฝักนั้นไปคว้านเนื้อออกและนำไปตากแดดให้แห้ง และค่อยนำเมล็ดที่ได้ไปเพาะพันธุ์ต่อ

          หรือเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ง่ายกว่าคือการชำหน่อ โดยเราจะตัดหน่อของแคคตัสยิมโนต้นแม่พันธุ์ประมาณ 3 เซนติเมตร จากนั้นให้ใส่ดินที่จะใช้ปลูกผสมกับปุ๋ยลงไปในกระถางให้เต็ม และเอาหน่อที่ตัดไว้ไปปัก เอาดินกลบแค่เล็กน้อยและรดน้ำนิดหน่อย ก็เป็นอันเสร็จสิ้น

          ส่วนเทคนิคในการดูแลเลี้ยงดูแคคตัสยิมโนจะแบ่งออกเป็น 4 ปัจจัยหลัก ๆ ที่สำคัญกับต้นไม้นั่นก็คือ

1.น้ำ

          กระบองเพชรยิมโนก็เหมือนกระบองเพชรอื่น ๆ ทั่วไป การรดน้ำก็อย่างที่ทราบกันดีว่าไม่จำเป็นหรือไม่ควรต้องรดบ่อย ๆ อยู่แล้ว แต่ควรจะสังเกตจากดินและทรายของเขาว่าแห้งเกินไปหรือเปล่า โดยเราก็มีวิธีเช็คแบบง่าย ๆ มาให้ด้วยการใช้ไม้จิ้มฟันแทงลงไปในดิน เมื่อดึงขึ้นมาดูว่ามีเศษดินติดขึ้นมาหรือไม่ ถ้าไม่มีแปลว่าดินยังชื้นดีอยู่นั่นเอง แต่ก็ไม่ควรรดจนเยอะเกินไปเช่นกันเพราะอาจจทำให้ต้นไม้เน่าตายได้

2.แสงแดด

          แสงแดดเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ของพืช แคคตัสยิมโนก็เช่นกัน โดยปริมาณแสงแดดที่ดีที่เขาควรได้รับคือแสงแดดตลอดทั้งวัน หรือน้อยได้สุด ๆ คือครึ่งวันตอนเช้า แต่ก็จะดีกว่าถ้าหากมีอะไรมาเพื่อกรองแสงไม่ให้เขาได้รับแสงแดดโดยตรง เพราะอาจจะทำให้เขาผิวไหม้ได้

3.ดิน

          ดินในการใช้ปลูกไม่ควรลงจนแน่นกระถางเกินไป โดยเฉพาะบริเวณก้นกระถางเพราะหากดินแน่นมาก ๆ จะทำให้แคคตัสยิมโนไม่สามารถขยายรากลงไปข้างใต้ได้ และที่สำคัญต้องไม่ลืมที่จะผสมดินเข้ากับทรายด้วยเพื่อให้เป็นดินที่เหมาะสมกับต้นกระบองเพชรที่สุด

4.ปุ๋ย

          สำหรับปู๋ยหากใครไม่ได้ต้องการให้เขารีบโตหรืออยากเร่งดอกก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เลยก็ได้ แต่ถ้าหากสนใจอยากใช้ปุ๋ยเพื่อเป็นอาหารเสริมให้กับเขาก็ใช้ได้ในปริมาณที่พอเหมาะ

          โดยประโยชน์ของแคคตัสยิมโนหลัก ๆ คือความสวยงามในตัวของเขา อย่างที่เราได้กล่าวไปข้างต้นว่าสีสันของเขามันทำให้รู้สึกสะดุดตามากกว่าต้นกระบองเพชรอื่น ๆ ที่เคยขายมาตั้งเนิ่นนาน เพราะฉะนั้นการนำไปประดับตกแต่งโดยใช้ยิมโนจึงเป็นอะไรที่สนุกดี และช่วยให้บ้านมีสีสันมากขึ้นด้วย หรือหากใครที่ทำงานออฟฟิศและรู้สึกเหนื่อย ๆ เฉา ๆ ก็ลองเอาต้นกระบองเพชรพันธุ์นี้ไปตั้งไว้หน้าโต๊ะทำงานก็ได้อาจจะช่วยให้คิดงานหรือคิดอะไรออก ซี่งรวมไปถึงคนที่เป็นสายคัลเลอร์ฟูล ชอบสีสันสุด ๆ เบื่อความโทนเดียวของโมเดิร์น เบื่อความเป็นขาวและดำ ก็น่าจะชอบสีสันของต้นกระบองเพชรชนิดนี้อย่างมากแน่นอน

          นอกจากนี้ อีกประโยชน์ที่ดีมาก ๆ ของแคคตัสยิมโนคือการเป็นต้นไม้ฟอกอากาศ ด้วยการดูดสารพิษที่อยู่บนอากาศนั่นเอง หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าอากาศบ้านเราไม่ค่อยจะสะอาดเท่าไร และเราก็มองไม่เห็นด้วยว่าบริเวณที่เราอยู่มันมีเชื้อโรคไหม ซึ่งต้นกระบองเพชรนี้เองก็สามารถช่วยเหลือเราในแง่นี้ได้จากการดูดซับสารจำพวกเอทิลเบนซิน, พาราไซต์ และออโธไซลีนได้มากถึง 60% ซึ่งก็จะไปสอดคล้องกับการวางประดับเขานั่นเอง ทีนี้ก็จะเห็นภาพที่ชัดขึ้นแล้วว่า การนำเขาไปวางในที่ต่าง ๆ ได้และอากาศตรงนั้นก็สะอาดบริสุทธิ์ นับว่าเป็นอะไรที่ดีมาก ๆ เลย

          และความเชื่อด้านมงคลของแคคตัสยิมโน เป็นดั่งต้นไม้มงคล โดยมีกล่าวไว้ว่าจะช่วยส่งเสริมในเรื่องของการเงินให้กับผู้ที่ปลูกเขา และยิ่งหากเลี้ยงจนออกดอกได้สวยงาม ก็จะยิ่งทำให้มีโชคลาภมากขึ้น และที่สำคัญคือเขาสามารถช่วยปัดเป่าสิ่งเลวร้ายหรือสิ่งที่ไม่ดีออกไปจากชีวิตเราได้ด้วยนะ นี่จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่คนส่วนใหญ่ได้ตกหลุมรักเจ้าต้นไม้พันธุ์นี้ไปเรียบร้อยแล้ว

แคคตัสยิมโนเสริมมงคลขนาดนี้ สายมูเตลูยังไงก็ต้องจัด

          ก็จบลงไปแล้วสำหรับการนำข้อมูลความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับแคคตัสยิมโน แม้ CACTUS จะดูจิ๋ว ๆ ต้นเล็ก ๆ และทำให้ใครหลาย ๆ คนมองข้ามเขาไป แต่ความจริงแล้วคุณภาพมันเอ่อล้นออกมาจากขนาดของเขาตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฟอกอากาศและการเป็นที่พึ่งทางใจสำหรับความเป็นมงคล รู้เช่นนี้แล้วก็อยากให้ทุกท่านรีบไปหาซื้อกันมาปลูกหรือประดับตกแต่งไว้เป็นครอบครอง หรือหากใครที่กำลังอินต้นไม้ที่มีใบด่าง ยิมโนด่างก็มีให้คุณเช่นกันยิมโนด่างราคา โดยจะเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณเกือบ ๆ ร้อยในขนาดที่เล็กเท่านั้นเอง จริง ๆ ก็ถือว่าไม่แพงเลยนะ และหากใครที่ชื่นชอบอยู่แล้วก็คงจะชอบขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน

Categories
ต้นไม้มงคล

ชบาด่าง ดอกไม้งามที่ปลูกง่าย เลี้ยงง่าย มือใหม่ก็เลี้ยงได้

ชบาด่าง

ชบาด่าง หากพูดถึงดอกไม้มีที่มีสีสันและมีเอกลักษณ์ในเรื่องของใบด่างที่สวยงามก็คงจะหนีไม่พ้นชบาด่างชื่อนี้อย่างแน่นอน เพราะดอกไม้ชนิดนี้นั้นก็เป็นหนึ่งในดอกไม้ด่างที่ได้รับความนิยมอย่างมากจนได้รับยกย่องว่าเป็นราชินีดอกไม้เมืองร้อน อีกทั้งยังเป็นดอกไม้ชนิดนี้ยังเป็นสิ่งที่ดูแลได้ง่ายอีกด้วย ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมือร้อนปลูกอะไรไม่ขึ้นก็สามารถเลี้ยงเจ้าดอกไม้ชนิดนี้ได้งามอย่างแน่นอน และในวันนี้เราลองมาดูความสวยงามของ ชบาด่าง กันดีกว่าว่าเป็นอย่างไรบ้าง

ชบาด่าง เรียบง่ายแถมเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

ชบาด่าง

ชบาด่าง หรือที่เรียกอีกชื่อนึงว่าชบาด่างสามสี โดย ชบาด่าง ชื่อวิทยาศาสตร์ จะใช้ว่า Hibiscus rosa-sinensis L. ‘Cooperi’ หากเรามองผ่านๆ ก็คงจะคิดว่าต้นนี้ก็เป็นแค่ต้นชบาทั่วๆ ไป ซึ่งที่จริงแล้วนั้นไม่ใช่เลย เพราะว่า ลักษณะของชบาด่าง นั้นค่อนข้างจะเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก เช่นลักษณะของใบจะเป็นรูปไข่ ปลายจะแหลมขอบรอบๆ จะเป็นหยัก มีสีเขียวและสีขาวที่ปะปนกับสีแดงทั่วทั้งใบ ทำให้สีแดงที่อยู่บนใบนั้นถูกเน้นให้เด่นขึ้น ซึ่งตรงนี้เองที่ทำให้ชบาด่างแตกต่างจากชบาสายพันธุ์อื่นๆ

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการดูแล

1.ดินที่เหมาะกับการปลูกชบาด่างต้องเป็นดินที่ร่วนซุยเท่านั้น

2.ชบาด่างนั้นเป็นดอกไม้ที่ชอบแดดมากๆ และทนอากาศร้อนได้ดี ดังนั้นเหมาะกับการที่ปลูกไว้ริมรั้วบ้าน

3.ควรรดน้ำวันละหนึ่งครั้ง เลี่ยงการรดน้ำจนเป็นแอ่งขังที่กระถาง ไม่งั้นดอกชบาของเราได้เน่าตายแน่ๆ

4.ควรใส่ปุ๋ยบำรุงเดือนละหนึ่งครั้ง เพื่อให้ดอกและต้นแข็งแรงสวยงาม

การขยายพันธุ์ ของต้นชบาทำได้หลากหลายวิธี

  • ขยายพันธุ์แบบปักชำ วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดเพียงแค่คุณตัดกิ่งชบาแล้วไปปักลงดินแล้วคอยรดน้ำ
  • ขยายพันธุ์แบบเสียบยอด วิธีนี้เป็นการที่ขยายต้นชบาให้มีหลากสีสัน เพียงแค่คุณนำยอดมาเสียบติดกันแล้วเลี้ยงในดินเท่านี้ก็จะได้ชบาหลากสีแล้ว
  • ขยายพันธุ์แบบติดตาวิธีนี้จะเป็นแนวการเดียวกับเสียบยอดแต่วิธีนี้จะใช้เป็นนำตาของต้นที่ต้องการมาใส่อีกต้นนึง

ทั้งสวยงามและยังนำโชค

สำหรับดอกชบาแล้วต้องขอบอกก่อนเลยว่าเป็นดอกไม้ที่มี ความเชื่อ มาตั้งแต่โบราณ สมัยก่อนนั้นหลายคนเชื่อว่าเป็นดอกไม้ที่ไม่ดีเพราะจะใช้ดอกไม้นี้กับคนที่ถูกประหารชีวิต และเนื่องจากดอกชบารวมถึงต้นชบาด่าง เองก็ได้รับความนิยมด้วยความที่ตัวดอกมีสีสันสดใสสวยงามและยังเชื่อกันว่าถ้าเลี้ยงแล้วจะเรียกเงินให้ไหลมาเทมาอีกด้วย จึงทำให้ดอกไม้ชนิดนี้เป็นที่นิยมอย่างมาก นอกจากจะเป็นดอกไม้สวยๆแล้ว ชบาด่าง ประโยชน์ ก็มีนั่นก็คือช่วยในการรักษาโรคทั้งบำรุงเลือด  แก้แผลไฟไหม้ และยังลดการฟกช้ำได้อีกด้วย

ไม่อยากปลูกเองก็มีแหล่งซื้อต้นมาเลี้ยงได้เลย

ชบาด่าง

สำหรับใครที่อยากจะเลี้ยง ชบาด่าง แต่ก็ไม่อยากที่จะเริ่มปลูกเองตั้งแต่แรก คุณก็สามารถหาซื้อได้ง่ายมากๆ เพราะเป็นดอกไม้ยอดนิยมซึ่งก็สามารถไปเลือกซื้อได้ตามตลาดต้นไม้ เช่น ตลาดต้นไม้จตุจักร ที่จะเป็นทุกวันอังคารถึงวันพฤหัส หรือใครไม่สะดวกไปเดินเลือกซื้อก็สามารถซื้อผ่านออนไลน์ Shopee หรือ LAZADA ได้เลย ก็สะดวกไม่แพ้กัน โดยราคาของเจ้า ชบาด่างหรือชบาด่างสามสีนี้ก็จะเริ่มตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักร้อย ตามขนาดต้นเลย

Categories
ต้นไม้มงคลปลูกหน้าบ้าน

กระดังงา ไม้ที่มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ เหมาะกับทั้งปลูกประดับและให้ร่มเงา

กระดังงา

กระดังงา เป็นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และพบได้มากในแถบประเทศอินโดนีเซียฟิลิปปินส์ รวมไปถึงประเทศไทยเราด้วย โดยกระดังงานั้นมีอยู่หลากหลายสายพันธุ์ด้วยกัน แต่สิ่งที่ทุกสายพันธุ์มีเหมือนกันคือ ดอกของมันจะมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ซึ่งนับว่าเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของไม้ชนิดนี้

กระดังงา

กระดังงา ไม้ประดับที่ทั้งดูแลง่าย และทนความร้อนได้ดี

            กระดังงานับว่าเป็นหนึ่งในไม้ประดับที่ค่อนข้างได้รับความนิยม แม้ว่าในภายหลังไม้แคระ กระบองเพชร และไม้อวบน้ำจะได้รับความนิยมแซงหน้า แต่ไม้ชนิดนี้ก็ยังคงถูกเลือกนำมาปลูกประดับในบ้าน หรือ สถานที่ที่ค่อนข้างมีพื้นที่อยู่พอสมควร เนื่องจากกระดังงานั้นดูแลค่อนข้างง่าย โตเร็ว และที่สำคัญคือเหมาะกับสภาพอากาศของบ้านเราเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเลือก พันธุ์กระดังงา ใดมาปลูกก็อาจจะไม่ใช่เรื่องยากเท่าที่ควร

กระดังงา

วิธีดูแลกระดังงา

            การดูแลกระดังงาแต่ละช่วงวัยนั้นจะแตกต่างกันออกไป ซึ่งสำหรับวิธีดูแลกระดังงาในวันนี้ที่เราจะนำมาแนะนำคือการดูแลกระดังงาที่ปลูกในกระถางอายุไม่เกิน 3 เดือน ซึ่งสามารถใช้ได้กับทั้งกระดังงาไทย, กระดังงาสงขลา, กระดังงาเขา และสายพันธุ์อื่น ๆ อีกมากมาย โดยขั้นตอนในการดูแลมีดังนี้

กระถาง ภาชนะในการปลูก หากไม่ต้องการปลูกลงดินเราแนะนำให้ปลูกในกระถางที่มีขนาดใหญ่ ตั้งแต่ 12 นิ้วขึ้นไป เนื่องจากจะช่วยให้คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนกระถางอยู่บ่อย ๆ และทำให้ต้นไม้มีพื้นที่ในการขยายรากได้มากขึ้น

ดิน แนะนำให้ใช้เป็นดินร่วน ที่ผสมกับขุยมะพร้าวสับ ปุ๋ยคอก หรือใบก้ามปูหมัก ในปริมาณ ¼ ส่วน

น้ำ หากเป็นต้นไม้ที่อยู่ในวัยไม่เกิน 3 เดือน เราแนะนำให้รดน้ำในช่วงเช้า – เย็น หรือ สัปดาห์ละ 4 – 5 ครั้ง ตามสมควร โดยให้สังเกตไม่ให้ดินแห้ง หรือแฉะจนเกินไป

แสง ไม้ที่อยู่ในช่วงวัยนี้ไม่ควรให้โดนแดดจัดตลอดทั้งวัน โดยแนะนำให้รับแสงอ่อน ๆ ตลอดทั้งวันจะดีที่สุด หรือหากใครที่ปลูกในร่มเราแนะนำให้วางกระถางในตำแหน่งที่มีแดดส่องถึง โดยเฉพาะแสงแดดช่วงเช้า

ปุ๋ย นอกจากปุ๋ยคอกที่ผสมอยู่ในดินตั้งแต่ในช่วงปลูก เราแนะนำให้ใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรือ หรือปุ๋ยชนิดอื่น ๆ ประมาณปีละ 4 – 5 ครั้ง

ต้นกระดังงาราคาเริ่มต้นเพียงหลักสิบ แถมยังหาซื้อได้ง่าย

            สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากได้กระดังงา มาปลูกประดับบ้าน หรือสวน ปัจจุบัน ต้นกระดังงา ก็ค่อนข้างหาซื้อได้ง่าย ซึ่งสามารถซื้อได้จากช่องทางออนไลน์ และหน้าร้าน โดยต้นกระดังงาแต่ละสายพันธุ์ และแต่ละช่วงวัยก็จะมีราคาที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งกระดังงา ราคา จะอยู่ที่ราว ๆ ต้นละ 40 – 4,500 บาท นอกจากนี้ยังมีไม้ล้อมที่จะมีราคาสูงถึงหลักหมื่น ซึ่งส่วนใหญ่นิยมนำไปตกแต่งสวนในบ้าน หรือร้านอาหาร เป็นต้น

กระดังงา
Categories
ต้นไม้มงคลปลูกหน้าบ้าน

พวงชมพู ไม้ประดับดอกสวย และเหมาะนำไปปลูกเป็นซุ้มประตูที่สุด

พวงชมพู

พวงชมพู เป็นไม้เลื้อยที่มีดอกสวย และนิยมนำมาปลูกประดับบ้านและสวนเป็นอย่างยิ่ง โดยไม้ประดับชนิดนี้ค่อนข้างที่จะโตเร็ว ดูแลง่าย และที่สำคัญยังเหมาะกับการปลูกเพื่อทำเป็นไม้ประดับเป็นซุ้มประตูและรั้วดอกไม้เป็นอย่างยิ่ง

พวงชมพู

พวงชมพู ดูแลง่าย ขยายพันธุ์ได้เร็ว

            พวงชมพูเป็นต้นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในแถบประเทศเม็กซิโก โดยดอกของพวงชมพูจะมีทั้ง พวงชมพูสีขาวและสีชมพู ซึ่งกลายมาเป็นชื่อเรียกที่เราเรียกกันจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งชื่อเรียกของของไม่ชนิดนี้จะมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่นของไทยเช่น ชมพูพวง, หงอนนาก หรือ พวงนาก เป็นต้น แต่ดูเหมือนว่า หากเราลองนำชื่อเรียกต่าง ๆ เหล่านี้ไปค้นหาในอินเทอร์เน็ตก็จะพบว่าลักษณะของดอกของต้นไม้ทั้ง 3 ชื่อที่เรายกตัวอย่างมาข้างต้นจะมีความแตกต่างจาก ดอกพวงชมพู ที่เรารู้จักอย่างสิ้นเชิง

นอกจากนี้แล้วพวงชมพูยังนับว่าเป็นพรรณไม้ที่โตค่อนข้างเร็ว ทนต่อความแห้งแล้งได้ดี และที่สำคัญเมล็ดของมันยังสามารถลอยน้ำได้ ดังนั้นการขยายพันธุ์มันจึงค่อนข้างที่จะรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นใครที่อยาก ปลูกพวงชมพูในกระถาง หรือปลูกลงดินก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยข้อควรระวังสำคัญในการดูแลไม้ชนิดนี้คือ ระวังไม่ให้ดินเฉะ หรือรดน้ำในปริมาณที่มากจนเกินไป และควรปลูกในดินที่มีคุณสมบัติระบายน้ำได้ดีเช่นดินร่วม ที่สำคัญคือต้นไม้ชนิดนี้ชอบแดดมากพอสมควร ดังนั้นจึงควรปลูกในที่ที่มีแสดงแดดส่องถึงตลอดทั้งวันนั่นเอง

พวงชมพู

วิธีขยายพันธุ์ของต้นพวงชมพู ทำง่าย ๆ แต่ได้ผลดี

            สำหรับขยายพันธุ์พวงชมพู หรือ วิธีปลูกพวงชมพู ก็ไม่ได้ยากอย่างที่หลาย ๆ คนคิด เพราะอย่างที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นแล้วว่า เมล็ดของ ต้นพวงชมพู สามารถลอยน้ำได้ ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ได้ชิดกระจายตัวและขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นใครที่อยากปลูกหรืออยากเพาะพันธุ์ไม้ชนิดนี้จึงสามารถนำเมล็ดของมันมาเพาะโดยตรง หรือจะนำกิ่งของมันมาปักชำก็ได้เช่นกัน

          โดยการเพาะจากเมล็ด หรือกิ่งก็ไม่ได้แตกต่างกันมาก โดยให้เราเตรียมดินที่เป็นดินสำหรับเพาะพันธุ์พืชทั่วไปเช่น ดินร่วม 2 ส่วน ผสมขุยมะพร้าวสับ 1 ส่วน และปุ๋ยคอกอีก 1 ส่วน จากนั้นให้นำกิ่ง หรือเมล็ดลงไปเพาะในดิน และรดน้ำให้ชุ่ม จากนั้นให้รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยรดเป็นช่วงเช้าวันละ 1 ครั้ง เพียงเท่านี้คุณก็สามารถขยายพันธุ์ดอกไม้สุดสวยได้อย่างจุใจ

ข้อดีของการขยายพันธุ์ไม้ด้วยการปักชำกิ่ง

            สำหรับใครที่กำลังลังเลใจอยู่ว่าควรเลือกขยายพันธุ์พวงชมพู จากเมล็ด หรือปักชำกิ่งจึงจะดีที่สุด ซึ่งเราขอแนะนำเช่นนี้ว่า สำหรับการปักชำกิ่งนั้นจะช่วยร่นระยะเวลาในการเติบโตของพรรณไม้นั้น ๆ ให้โตเร็วกว่าการนำเมล็ดมาเพาะ และช่วยให้ลดการกลายพันธุ์ในพืชได้ค่อนข้างดี แต่วิธีนี้คุณจำเป็นจะต้องมีต้นพันธุ์ที่แข็งแรงเสียก่อน แต่หากเป็นการเพาะจากเมล็ดก็สามารถหาซื้อได้ง่าย ๆ ตามช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ หรือหากใครที่ไม่สะดวกเพาะเองคุณก็สามารถซื้อต้นกล้า หรือต้นพวงชมพูขนาดที่เหมาะกับการนำมาปลูกต่อก็ได้เช่นกัน โดยราคาของต้นพวงชมพูจะอยู่ราว ๆ 100 – 600 บาทเท่านั้น

Categories
ต้นไม้มงคลปลูกหน้าบ้าน

เฟิร์นข้าหลวง ไม้ประดับที่สวยเป็นเอกลักษณ์และเหมาะกับการปลูกในไทยที่สุด

เฟิร์นข้าหลวง

เฟิร์นข้าหลวง นับว่าเป็นไม้ประดับอีกชนิดหนึ่งที่คนไทยเราให้ความนิยมมาอย่างยาวนาน เนื่องจากไม้ชนิดนี้เป็นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ทั่วไปในแถบที่มีอากาศร้อน และอบอุ่น เช่นเอเชีย และออสเตรเลีย ซึ่งประเทศไทยก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่เป็นแหล่งกำเนิดของเฟิร์นชนิดนี้ด้วย และที่สำคัญไปกว่านั้นคือเฟิร์นชนิดนี้ยังมีราคาที่ไม่สูงจนเกินไป อีกทั้งยังดูแลง่าย และมีขั้นตอนที่ไม่จุกจิกเกินไปด้วย

เฟิร์นข้าหลวง

เฟิร์นข้าหลวง ดูแลไม่ยาก และไม่ต้องห่วงเรื่องของอากาศที่ร้อนเกินไปด้วย

            เฟิร์นข้าหลวงเป็นไม้ประดับที่มีชื่อเรียกหลากหลายชื่อด้วยกัน เช่น เฟิร์นข้าหลวงหลังลาย, เฟิร์นรังนก หรือ เฟิร์นข้าหลวงโอซาก้า เป็นต้น และตามที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นแล้วว่า เฟิร์นข้าหลวงเป็นไม้ที่เกินในแถบพื้นที่ที่มีความร้อนชื้น หรือเขตอบอุ่น ดังนั้นจึงมีหลายคนที่อาจจะสงสัยว่า เฟิร์นข้าหลวงชอบแดดไหม ก่อนอื่นเราต้องขอบอกว่า การที่เราจะพบเห็นเฟิร์นชนิดนี้ได้ตามธรรมชาตินั้น เราจำเป็นจะต้องเข้าไปในป่าที่เป็นป่าดิบชื้น หรือ ป่าฝนเขตร้อน เนื่องจากสภาพของป่าประเภทนี้จะเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของเฟิร์นชนิดนี้เป็นอย่างยิ่งดังนั้นคำตอบคือ “เฟิร์นข้าหลวงไม่ชอบแสงแดดจัด” เพราะถึงแม้ว่าเฟิร์นชนิดนี้จะเกินในแถบที่มีอากาศร้อน แต่การที่เฟิร์นได้รับแดดโดยตรง หรือแดดจัดทั้งวันจะทำให้เกิดผลเสียกับเฟิร์นเป็นอย่างมาก และแสงแดดจัดก็ไม่เหมาะกับสภาพของการเจริญเติบโตของเฟิร์นชนิดนี้ด้วย

          นอกจากนี้สำหรับ การดูแล เฟิร์นข้าหลวงในเบื้องต้น สำหรับผู้ที่ปลูกไม้ชนิดนี้ไว้ในสวนของบ้าน เราแนะนำให้รดน้ำให้ชุ่ม โดยควรรดทั้งช่วงเช้าและเย็น และเลือกวางตำแหน่งของกระถาง หรือตำแหน่งของการปลูกให้อยู่ในที่ที่มีร่มเงา มีความชุ่มชื่นตลอดทั้งวัน เช่นใกล้กับต้นไม้ใหญ่ บ่อปลา หรืออ่างบัว เป็นต้น ควรมีแสงแดดอ่อน ๆ ส่องถึงบ้าง สำหรับการใส่ปุ๋ย เราแนะนำให้ใส่เป็นปุ๋ยเม็ด หรือปุ๋ยละลายช้า ซึ่งหาซื้อได้ง่ายตามร้านขายไม้ประดับ และแนะให้ใส่ 3 – 6 เดือน/ครั้ง และไม่ควรใส่ปุ๋ยในปริมาณที่มากจนเกินไป

ราคา และ 3 ร้านขายเฟิร์นข้าหลวงบน Instagram

            สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากได้เฟิร์นข้าหลวง มาปลูกประดับสวน วันนี้เรามีข้อมูลเกี่ยวกับราคา และ 3 ร้านขายเฟิร์นข้าหลวงบน Instagram มาฝาก โดยเฟิร์นข้าหลวง ราคา จะอยู่ที่ประมาณ 25 – 500 บาท ซึ่งจะขึ้นอยู่กับขนาด และสายพันธุ์ของเฟิร์น

3 ร้านขายเฟิร์นข้าหลวงบน Instagram

เฟิร์นข้าหลวง

saiwari02 จำหน่ายเฟิร์น และบอนกระดาดยักษ์ที่มีราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อยเท่านั้น และที่สำคัญทางสวนยังมีการจัดโปรโมชั่นอยู่เรื่อย ๆ นอกจากนี้ยังมีหน้าร้านบน LAZADA อีกด้วย

เฟิร์นข้าหลวง

Sookchewagarden จำหน่ายไม้ประดับ ไม้ใบ ไม้ฟอกอากาศ รวมไปถึงเฟิร์นข้าหลวงหลายชนิดเช่นเฟิร์นข้าหลวงใบหยัก (ใบจีบ) นอกจากนี้ทางร้านยังมีหน้าร้านอยู่ที่ตลาดต้นไม้สบายใจล็อคC2-C3 ทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร

เฟิร์นข้าหลวง
  • thetree.mint จำหน่ายต้นไม้ฟอกอากาศ และต้นไม้มงคลหลากหลายชนิดที่มีขนาดเล็กมินิ เหมาะกับการนำไปวางประดับไว้ในบ้าน หรือเป็นของขวัญให้กับคนพิเศษเป็นอย่างยิ่ง
เฟิร์นข้าหลวง

เฟิร์นข้าหลวง ไม้ประดับที่ไม่เหมาะกับการวางประดับในพื้นที่ปิด

            เนื่องจากเฟิร์นข้าหลวงในช่วงโตเต็มวัย ใต้ใบของมันจะมีสปอร์เล็ก ๆ อยู่ ซึ่งเป็นธรรมชาติของพืชหรือตระกูลสาหร่าย เห็ดรา รวมไปถึงเฟิร์น ซึ่งสปอร์นับว่าเป็นสิ่งที่พืชเหล่านี้ใช้ในการสืบพันธุ์ และหากเมื่อเฟิร์นต้นนั้นพร้อมขยายพันธุ์มันก็จะปล่อยสปอร์ของมันลอยฟุ้งขึ้นไปในอากาศเพื่อไปเติบโตในที่ที่เหมาะสม ซึ่งสปอร์จะค่อนข้างเป็นอันตรายต่อมนุษย์ หรือสัตว์เลี้ยงบางชนิด ดังนั้นหากวางเฟิร์นชนิดนี้ไว้ในพื้นที่ปิดเช่นตัวห้อง หรืออาคารก็อาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายของเราและสัตว์เลี้ยงได้