แว่นแก้ว หากพูดถึงคำนี้หลายคนคงจะนึกถึงสิ่งของอย่างอื่นที่เป็นแว่นๆ และไม่ใช่ต้นไม้แน่นอน ซึ่ง แว่นแก้ว นั้นเป็นต้นไม้น้ำชนิดนึงที่มีรูปร่างกลมคล้ายแว่น สามารถปลูกและเลี้ยงไว้ในน้ำได้ ถ้าจะพูดให้ง่ายๆ เพื่อให้หลายๆ คนนึกออกก็อาจจะเป็นพืชที่ชอบโดนเลี้ยงอยู่ในบ่อปลาหรือตู้ปลา นั่นแหละคือต้น แว่นแก้ว ซึ่งในปัจจุบันพืชชนิดนี้ก็นิยมเอาเลี้ยงกัน เพราะเป็นต้นไม้ที่เลี้ยงง่าย ไม่ยาก มือใหม่ก็สามารถเลี้ยงได้เหมือนกัน มาถึงขนาดนี้แล้วเราก็จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับพืชชนิดนี้กันว่าจะเป็นพืชที่เลี้ยงง่ายยังไง

แว่นแก้ว พืชที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็น ใบบัวบก

แว่นแก้ว หรือจะเรียกว่า “บัวแก้ว” ก็ได้เป็นไม้น้ำที่เป็นพืชล้มลุก มีต้นกำเนิดในทวีปอเมริกาเหนือ รูปร่างคล้ายกับต้นใบบัวบกที่หลายๆ คนชอบสงสัย และมองว่ามันเป็นพืชชนิดเดียวกัน แต่นั่นก็ไม่ใช่เลย แม้ว่าจะมีกิ่งหรือก้านที่เลื้อยไปตามพื้นดินหรือบนผิวน้ำเหมือนกัน แต่จะแตกต่างกันตรงที่ใบของทั้งคู่ โดยใบของ แว่นแก้ว จะเป็นใบที่ค่อนข้างกลม ขอบใบหยักโค้ง ส่วนใบของต้นบัวบกจะมีส่วนหนึ่งรอยเว้าเข้าไป นอกจากนี้ แว่นแก้ว ยังเป็นต้นไม้ที่ที่เติบโตได้อย่างเร็วและสูงเพียง 5 – 15 เซนติเมตรเท่านั้น ไม่ว่าแสงจะเยอะหรือน้อยอย่างไรเจ้าต้นไม้ชนิดนี้ก็จะวิ่งเข้าหาแสงและไปเติบโตที่ตรงนั้น นับว่าเป็นพืชที่ดูแลไม่ยาก

วิธีการดูแลก็ง่ายแสนง่าย ยังไงก็ไม่ตาย

1. แว่นแก้ว ชอบดินร่วนที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง

2.ชอบความชุ่มชื้น ดังนั้นถ้าปลูกในดินควรรดน้ำให้มาก หรืออาจจะปลูกในน้ำหรือพื้นที่น้ำขังจะเจริญเติบโตได้ดี

3.แสงแดดไม่ต้องแรงมาก หากอยากให้ตัวใบมีสีเขียวสดก็ปลูกในที่มีแดดส่องถึงก็เพียงพอ

4.ควรบำรุงด้วยปุ๋ยทุก 3 เดือน เพื่อให้ต้นแข็งแรง

สรรพคุณของต้นแว่นแก้ว ที่คุณต้องทึ่ง!!

• ลำต้น ใช้เป็นยาสามารถแก้พิษไข้ได้
• นำ ใบ หรือ ลำต้น มาต้มดื่มแก้ช้ำในได้
• ทั้งต้นก็ยังช่วยขับปัสสาวะ และใช้เป็นยาแก้บวม
• นอกจากนี้ลำต้นยังช่วยแกอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือ ท้องเสียได้

สรรพคุณก็เยอะ ประโยชน์ก็แยะ เสริมดวงก็ได้

อีกหนึ่งคำถามที่หลายคนยังสงสัยนอกจากว่าไม้ชนิดนี้เหมือนใบบัวบกไหม นั่นก็คือ แว่นแก้วกินได้ไหม ซึ่งหากได้อ่านสรรพคุณมาแล้วคงจะตอบได้ทันทีว่า “กินได้” นอกจาก ประโยชน์ ต้นแว่นแก้ว จะนำมาทำเป็นยาแล้วก็ยังเลี้ยงเอาไว้เก็บกินได้ด้วย บอกเลยว่าถ้าเอาใบสดมากินแกล้มกับน้ำพริกนะอร่อยที่สุดเลย ไม่เพียงเท่านั้นต้นไม้ต้นนี้ก็ยังนิยมเอามาปลูกเป็นไม้ประดับอีกด้วยเพราะมีความเชื่อที่ว่า หากบ้านไหนปลูก แว่นแก้ว ก็จะ เสริมฮวงจุ้ย ในเรื่องความร่ำรวยมั่งคั่งจะตามเทรนด์ได้ทัน ต้องหาแหล่งซื้อ

กันเกรา เป็นไม้ยืนต้น ขนาดกลางถึงใหญ่ ลำต้นสูงเต็มที่ 20 – 30  เมตร มักขึ้นอยู่ตามธรรมชาติทุกภูมิภาคของประเทศไทย มีถิ่นกำเนิดตามป่าเบญจพรรณและตามที่ใกล้กับแหล่งน้ำ ในประเทศไทย พม่า มาเลเซีย เวียดนาม และอินเดีย ทั้งบริเวณที่ลุ่ม ริมน้ำ หรือ ป่าดิบ ส่วนใหญ่พบมากในภาคตะวันออกและภาคใต้

ลักษณะลำต้น มีเปลือกหยาบ สีน้ำตาลปนดำ มีรูปร่างลักษณะแตกระแหงเป็นร่อง ไม่เป็นระเบียบ ปลายกิ่งห้อยลง ใบออกเป็นคู่ ๆ ตรงข้ามกัน ใบหนาสีเขียวแก่ รูปทรงใบเป็นแบบยาวรี ปลายใบแหลม โคนใบเรียว เป็นครีบไปตามก้าน ใบยาวราว 8-12  เซนติเมตร กว้างยาว 2.5-3.5 เซนติเมตร ก้านใบยาว 1-2 เซนติเมตร

กันเกรา รายละเอียด กันเกรา ชื่อวิทยาศาสตร์

          กันเกรามีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Fagraea fragrans Roxb. อยู่ในวงศ์ Loganiaceae (บางตำราว่าอยู่ในวงศ์ Potaliaceae) ส่วนกันเกรา ชื่อสามัญ ภาษาอังกฤษเรียก Tembusa ชื่อภาษาไทย กันเกรา อ่านว่า กัน-เกรา

กันเกราประโยชน์และสรรพคุณดี ๆ ที่น่าสนใจ

กันเกราเป็นต้นไม้พื้นบ้านดั้งเดิมของไทย ที่มีสรรพคุณเป็นสมุนไพรรักษาโรค โดยโรงเรียนแพทย์แผนโบราณ สำนักวัดพระเชตุพนฯ บรรยายสรรพคุณเอาไว้ว่า “แก่น : รสเฝื่อน ฝาด ขม เข้ายาบำรุงธาตุ แก้ไข้จับสั่น แก้หืด ไอ มองคร่อ (โรคชนิดหนึ่ง เสมหะแห้งอยู่ในลำหลอดปอด) ริดสีดวง ท้องมาน แน่น หน้าอก ลงท้องเป็นมูกเลือด แก้พิษ ฝีกาฬ บำรุงม้าม แก้เลือดลมพิการ เป็นยาอายุวัฒนะ เปลือกบำรุงโลหิต ผิวหนังพุพอง ปวดแสบปวดร้อน” ในตำราบางเล่มมีสรรพคุณเพิ่มเติมคือ “บำรุงร่างกาย แก้ปวด ตามข้อ แก้ไข้”

1. แก่นกันเกรา ช่วยบำรุงไขมันในร่างกาย
2. แก่น ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย
3. เปลือกต้นช่วยบำรุงโลหิต
4. แก่นกันเกรา มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อมาลาเรีย
5. ช่วยแก้ไข้จับสั่น
6. ช่วยแก้อาการหืดไอ
7. ช่วยแก้อาการแน่นหน้าอก
8. ช่วยแก้อาการท้องมาน
9. ช่วยขับลมในกระเพาะ

10.ช่วยรักษาริดสีดวง

แนะนำกันเกรา วิธีปลูก

          กันเกรานิยมปลูกด้วยวิธีการเพาะเมล็ด โดยจะเพาะจากเมล็ดที่ร่วงจากต้นหรือเมล็ดที่แก่จัดจากต้น และเราจะนำเมล็ดนั้นมาตากแห้ง จากนั้นนำไปเพาะลงในถุงเพาะชำ รอจนต้นมีความสูงประมาณ 15-30 ซม. จากนั้นค่อยทำการย้ายลงในที่ที่ต้องการ กันเกราการปลูก ควรมีระยะห่างประมาณ 15-25 เมตร นอกจากนี้ยังสามารถปลูกได้โดยนอกจากวิธีอื่น  นอกจากวิธีการเพาะเมล็ด เช่น การปักชำ การตอนกิ่ง ทีนี้ทิศทางการปลูกหากจะว่าตามความเชื่อเกี่ยวกับทิศทาง ต้น กันเกราปลูกในบ้าน ก็ควรปลูกในทิศทางใต้และตะวันตกเฉียงเหนือ

ราคาซื้อขายต้นกันเกรา

                    กันเกราถือเป็นไม้ดอกยืนต้นที่นิยมปลูกเอาไว้เพื่อเสริมความสวยงามให้กับบริเวณรอบนอกบ้าน ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นต้นไม้ที่ส่งกลิ่นหอมหวานน่าชื่นใจให้กับคนที่อยู่บริเวณที่พักอาศัยอีกด้วย ที่สำคัญคือราคาไม่สูงมาก อยู่ที่สองต้นความสูงประมาณ 50 เซนติเมตร 2 ต้น ราคา 150 บาท

ทำไมต้นกันเกราจึงเป็นที่นิยม

          คำถามนี้สามารถอธิบายได้แบบง่าย ๆ เลยว่าเนื่องจากเป็นต้นไม้ที่มีลักษณะใบร่วงน้อย ดูแลง่าย มีกลิ่นหอม นอกจากนั้นต้นไม้ชนิดนี้ยังอุดมไปด้วยสรรพคุณต่าง ๆ มากมาย ทั้งทางเภสัชวิทยาและช่วยส่งกลิ่นหอมให้กับพื้นที่นั้น ๆ

จันทน์ผา เป็นต้นไม้ประดับที่มีความสวยงาม อีกทั้งยังราคาค่อนข้างสูง สามารถนำไปปลูกได้ในกระถาง ไม่ต้องกังวลเลยว่าต้นไม้นี้จะเคลื่อนย้ายลำบาก หรือ ว่ารากจะไปทำให้บ้านของเราพัง เนื่องจากเป็นต้นไม้ขนาดกลาง ไม่ใหญ่มากนัก ที่นิยมปลูกมากที่สุดคือ ความสูงประมาณ 1.5-3.5 เมตร แต่ต้นนี้ก็สามารถเติบโตสูงได้ถึง 16 เมตรเลยทีเดียว นิยมนำมาประดับตกแต่งบ้าน และจัดสวนสไตล์มินิมอลสวย ๆ อีกทั้งตอนเช้ากับตอนเย็น ต้นนี้จะส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ออกมาด้วย

จันทน์ผา ลักษณะภายนอก

จันทน์ผามีลักษณะ ใบเรียวแหลม ออกมาจากลำต้นอวบใหญ่ของต้น ใบจะมีสีเขียวเข้มสลับกับสีอ่อน จันผา ดอก เป็นช่อแยกแขนงขนาดใหญ่ออกตามซอกใบมีดอกจำนวนมาก จันผา ชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Dracaena cochinchinensis (Lour.) S.C.Chen ชื่อ จันผา ความหมาย คล้ายกับต้นวาสนาเพราะเป็นไม้วงศ์เดียวกัน นอกจากนี้ต้นนี้ยังอยู่ในวงศ์เดียวกับต้นผักชีฝรั่งด้วยนะ

จันทน์ผาสรรพคุณและคุณประโยชน์

          จันทน์ผานอกจากในบริบทของไม้ประดับที่ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับบ้านและสถานที่ต่าง ๆ แล้วนั้น ยังมี สรรพคุณ จันผา ได้แก่

1. แก่นมี รสขมเย็น ช่วยบำรุงหัวใจให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
2. ช่วยแก้ไข้ ลดอาการไข้ได้
3. ช่วยแก้ไอ
4. เมล็ดสามารถใช้รักษาอาการดีซ่าน ตัวเหลือง
5. ใช้ลำต้นช่วยแก้อาการปวดศีรษะ 
6. ช่วยลดและแก้อาการเหงื่อตก อาการกระสับกระส่าย
7. ช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟันได้ดีมาก

จันทน์ผาวิธีปลูกและดูแลรักษา

          จันทน์ผาวิธีขยายพันธุ์ จันผา มีวิธีหลัก ๆ อยู่ 2 วิธีคือ การเพาะเมล็ด และ การปักชำ การดูแลคือพยายามคุมปริมาณน้ำไม่ให้แฉะมากเกินไป ระยะปลูกที่เหมาะสม คือ 1-4 เมตร ทรงพุ่มของต้นนี้จะสวยงามได้ที่ก็ตอนปลูกได้ประมาณ 6-12 เดือนขึ้นไป เป็นต้นไม้ที่ทนแล้ง สามารถทนดินเค็ม และสามารถทนการปะทะของแรงลมได้ จริง ๆ ต้นไม้ชนิดนี้ดูแลค่อนข้างไม่ยากเลย ใครที่อยากได้ไม้สวย ๆ ไว้ประดับบ้านบอกเลยว่าเหมาะมาก ๆ

จันทน์ผาราคาขายอยู่ที่เท่าไร

          จันผา ราคา ปัจจุบันราคาขายจะเริ่มต้นที่ 500 บาทไปจนถึง 1000 บาท แต่ถ้าต้นนั้นมีลักษณะพิเศษสวย ๆ อย่างเป็นแบบใบด่างหรือมีสีสวยพิเศษก็สามารถอัพราคาขายได้ถึงหลักพัน ถึงหลักหมื่นเลยทีเดียว

ทำไมต้นจันผาถึงกลายเป็นไม้ประดับที่นิยมมาก

          ต้นจันทน์ผาเป็นไม้ประดับที่มีเอกลักษณ์ด้วยรูปทรงที่มีความสง่าของตัวเอง ใบเรียวคมสวย เหมือนกับหอกหรือดาบ ตามความเชื่อการได้ปลูกจันผาไว้ในบ้านจะเหมือนการปกป้องอันตรายเข้าบ้านได้ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นคือเป็นต้นไม้ที่ดูแลง่าย ไม่มีเวลามากนักก็สามารถดูแลได้

ทองหลาง คือ ต้นไม้ชนิดหนึ่ง จัดเป็นไม้ยืนต้นตระกูลถั่ว ถือเป็นอีกหนึ่งชนิดของต้นไม้มงคลของไทย ที่นิยมปลูกกันมาก เนื่องจากเรื่องความเชื่อที่ว่าหากใครปลูกต้นนี้จะช่วยดึงดูดทรัพย์สินเงินทองมากองที่ไว้กับคนที่ปลูก ยิ่งไปกว่านั้นเพราะต้นไม้ชนิดนี้มีสีทอง ทำให้คนสมัยก่อนนิยมนำใบของต้นนี้มาประกอบพิธีมงคล ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งงาน งานขึ้นบ้านใหม่เป็นต้น

ทองหลาง ลักษณะภายนอกของต้น

ทองหลางมีใบที่ออกเป็นช่อ โดยในแต่ละก้านใบจะมีจำนวนทั้งหมด ประมาณ 3 ใบ มีลักษณะรูปร่างที่เป็นใบมน หรืออาจเรียกว่า ทองหลางใบมน บริเวณปลายใบจะแหลมยาวคล้ายกับใบโพธิ์ ใบมีความกว้างประมาณ 2-4 นิ้ว มีความประมาณ 2-5 นิ้ว บริเวณหลังใบจะเป็นสีด่างเหลืองอมเขียวทองหลาง ภาษาอังกฤษ คือ Indian Coral Tree หรือ Variegated coral tree หรือ Variegated Tiger’s Claw ทองหลางชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Erythrina variegate Linn

ทองหลางสรรพคุณดี ๆ ที่คุณควรรู้ก่อนเลือกปลูกไม้ชนิดนี้

ทองหลางมีประโยชน์ที่หลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นทองหลาง สรรพคุณ ทางยา และใช้ประกอบพิธีกรรมที่สำคัญหลายอย่าง

1. ใบสดสามารถตำพอกแผลดูดหนองทำให้แผลแห้งหายเร็วขึ้น

2. ต้นเปลือกและราก ช่วยให้หลับสนิท

4. แก่นของต้นไม้ มีสรรพคุณช่วยแก้ฝีในท้อง

5. ทองหลางกินใบสามารถนำมาต้ม แล้วดื่มจะช่วยแก้โรคนิ่ว ช่วยให้นิ่วได้ขับออกมา

6. ดอกมีสรรพคุณเป็นยาขับโลหิตระดูของสตรี

7. รากมีสรรพคุณเป็นยาแก้ริดสีดวง

8. ใบเป็นยาแก้ริดสีดวง

9. ฝักมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงน้ำดี

10. ใบของต้นใช้ประกอบพิธีกรรม เพื่อบันดาลให้เกิดความเป็นสิริมงคล

ทองหลาง วิธีการปลูกและดูแลรักษา

ทองหลางในอดีตนั้นเราจะนิยมการขยายพันธุ์ด้วยการใช้วิธีเพาะเมล็ด หรือไม่ก็ปักชำเป็นหลัก แต่ในปัจจุบันมีวิธีขยายพันธุ์ของทองหลาง คือ การรอให้ต้นแก่นั้นล้มแล้วจะมีต้นใหม่เกิดขึ้นภายใน ซึ่งเราสามารถนำต้นอ่อนไปปลูกต่อได้ จะมีความแข็งแรงและเลี้ยงง่าย

เช็คราคา ทองหลางป่า

ทองหลางราคาที่จำหน่ายจะมีความแตกต่างกันตามวิธีการที่ใช้ปลูกเป็นหลัก อย่างต้นทองหลางมีความสูง 50-70 เซนติเมตร ที่ได้มาจากวิธีการเพาะเมล็ดจะอยู่ที่ ราคา 20บาท ส่วนต้นมีที่ความสูง 60-70 เซนติเมตร โดยทำการปักกิ่งชำ จะมีราคาจำหน่ายต้นละ 100 บาท  ซึ่งราคาจะต่างกันเนื่องจากการดูแลที่แตกต่างกันนั่นเอง

ทำไมคนไทยถึงนิยมปลูกต้นไม้ชนิดนี้

          แน่นอนว่าวัฒนธรรมและประเพณีต่าง ๆ ของคนไทยนั้นมีความสัมพันธ์กับความเชื่อเรื่องความสิริมงคล การปลูกต้นนี้ทำให้เกิดความมงคล เสริมโชคลาภนั่นเอง ทำให้หลายคนเลือกที่จะปลูก และการดูแลก็ไม่ยากมากนัก ทำให้ต้นไม้ชนิดนี้เป็นไม้ไทยที่ได้รับความนิยมสูงมาก

ส้มจี๊ด ต้นไม้มงคล พันธุ์จิ๋วและสรรพคุณดีๆ

            ส้มจี๊ด ( ภาษาอังกฤษ : KUMQUATS ) จัดอยู่ในวงศ์ส้ม ( RUTACEAE ) เป็นพืชท้องถิ่นของประเทศจีน มีเขตการกระจายพันธุ์ทั่วไปหาพบได้ในแถบเอเชียตะวันตกเป็นส่วนมาก สายพันธุ์ เช่น ส้มจี๊ดแคระ , ต้นส้มจี๊ดบางบัวทอง มีลักษณะเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก เมื่อโตเต็มที่จะสูงได้ประมาณ 3 เมตร มีหนามแหลมงอกอยู่ตามกิ่ง ใบมีลักษณะเป็นใบเดี่ยวรูปไข่ปลายเรียว ผิวใบมันเรียบสีเขียว ดอกเดี่ยวสีขาวขนาดเล็กกระจุกรวมกันเป็นกลุ่มตามซอกกิ่งใบ กลิ่นหอม ร่วงหล่นได้ง่าย ส่วนผลจะมีลักษณะเหมือนส้มทั่วไปเพียงแต่จะมีขนาดเล็กกว่า มีทั้งขนาดทรงกลมและทรงรี ผลดิบมีสีเขียว เมื่อสุกจะเป็นสีส้ม กลิ่นหอม รสเปรี้ยว

           นิยมปลูก ส้มจี๊ดไม้มงคล ประดับไว้เป็น ต้นไม้มงคลปลูกหน้าบ้าน โดยเชื่อว่าส้มจี๊ดเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง ความอุดมสมบูรณ์ เงินทองไหลมาเทมา นำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองและความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ปลูกและผู้อยู่อาศัยภายในบ้าน

สรรรพคุณของส้มจี๊ดที่ควรรู้

          นอกจากจะปลูกส้มจี๊ดไม้มงคลประดับไว้หน้าบ้านเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลแล้ว  ต้นส้มจี๊ด ยังมีสรรพคุณรักษาอาการต่างๆได้มากมาย สรรพคุณของส้มจี๊ดที่เราควรรู้ ส้มจี๊ด ทําอะไรได้บ้าง เช่น  สามารถช่วยต้านหวัด แก้ไอ ขับเสมหะ แก้เจ็บคอ แก้โรคภูมิแพ้ทางลำคอ แก้ท้องอืด  ท้องเฟ้อ  แก้คลื่นไส้  อาเจียน  ช่วยในการย่อยอาหาร วิตามินเอ  มีวิตามินซีสูง  กรดอินทรีย์หลากหลาย สามารถช่วยบำรุงผิวพรรณ

วิธีดูแลต้นส้มจี๊ดให้เจริญงอกงามและออกผล

        ดิน –  เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยหรือดินร่วนปนทราย ที่สามารถระบายน้ำได้ดีไม่มีน้ำท่วมขัง

        น้ำ – ส้มจี๊ดเป็นพืชที่ชอบความชุ่มชื้น ดังนั้นจึงควรรดน้ำให้ความชุ่มชื้นอย่างสม่ำเสมอโดยการรดน้ำวันละหนึ่งครั้ง

        แสงแดด – เป็นพืชที่สามารถทนแดดและทนร้อนได้ดี  สามารถปลูกไว้กลางแจ้งได้เพียงแต่ต้องดูแลให้มีความชุ่มชื้นอย่างเหมาะสมเท่านั้นก็เพียงพอ

        ปุ๋ย – ในช่วง 1-2สัปดาห์แรก  แนะนำให้ใส่ปุ๋ยคอกบำรุงดินเสียก่อน  ต่อมาเมื่อต้นติดและแข็งแรงดีแล้วจึงค่อยใส่ปุ๋ยเคมี สูตร 20-10-10 , สูตร 20-11-11 เพื่อเร่งการเจริญเติบโตของส่วนต้น  จากนั้นเมื่อมีอายุได้ 2-3 ปี ให้ใส่ปุ๋ยเคมี สูตร 8-24-24 , สูตร 12-24-12 เพื่อเร่งการเจริญเติบโตและการติดดอก-ออกผล

        วิธีขยายพันธุ์ – สามารถขยายพันธุ์ได้โดยวิธีการตอนกิ่งและการทาบกิ่ง

แหล่งหาซื้อและราคาของส้มจี๊ด

          ส้มจี๊ดไม้มงคลที่คนให้ความนิยมนำมาปลูกเป็น ไม้มงคลหน้าบ้าน นั้น  นอกจากจะมีความสวยงามแล้ว  สรรพคุณของส้มจี๊ดนั้นก็มีอยู่ไม่น้อย  จึงไม่แปลกนักหากจะมีคนให้ความสนใจและให้ความนิยมเป็นวงกว้าง  สำหรับผู้ที่สนใจอยากหา ต้นส้มจี๊ด มาปลูกสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายพันธุ์ไม้ทั่วไป หรือจะสั่งซื้อตามเว็บไซต์ต่างๆก็ได้เช่นกัน  เช่น  LAZADA , SHOPEE  ฯลฯ

• ราคา เริ่มต้นอยู่ที่ 150 บาทขึ้นไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์และสวยงามของ ต้นส้มจี๊ด

          ที่มาภาพ : https://www.mefarmsook.com/ , https://www.kasettambon.com/

เฟื่องฟ้า

เฟื่องฟ้า ต้นไม้มงคล ไม้ระดับ หลากสีที่มากด้วยประโยชน์และสรรพคุณ

            เฟื่องฟ้า ( PAPER FLOWER ) หรือ ดอกกระดาษ เป็น ต้นไม้มงคล ไม้ยืนต้นประเภทไม้พุ่มกึ่งเลื้อย ถูกค้นพบครั้งแรกที่พื้นที่ประเทศบราซิลในช่วง ค.ศ. 1766-1769  และในสมัยรัชกาลที่ 5 ( ประมาณปี พ.ศ. 2423 ) ได้มีการนำเข้ามาจากประเทศสิงคโปร์ มักจะออกดอกสะพรั่งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งก็จะตรงกับเทศกาลตรุษจีน ในสมัยรัชกาลที่ 5 จึงมีชื่อเรียกว่า “ ดอกตรุษจีน ” และเปลี่ยนเรียกเป็นชื่ออื่นในภายหลัง

ลักษณะพฤกษศาสตร์ของเฟื่องฟ้า

           ยกเป็นชื่ออื่นในภายหลัง 10 เมตร เฟื่องฟ้าสรรพคุณ มีความแข็งแรงสามารถเลื้อยแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปได้ไกล  เถาและลำต้นมีสีน้ำตาลอมเทา มีหนามแหลมขึ้นอยู่ตามลำต้นและเถา สามารถบังคับการเจริญเติบโตได้โดยการตัดแต่งทรงพุ่ม

ใบ – มีลักษณะโค้งมนปลายเรียว  ขอบใบเรียบ  ผิวใบเรียบ-มัน  มีสีเขียว ( ปัจจุบันมีสายพันธุ์ด่างด้วย โดยจะมีใบด่างสีเขียวด่างขาว )

ดอก – มักออกดอกเป็นช่อบริเวณปลายยอด  มีหลากหลายสีสันแตกต่างกันไปตามชนิดและสายพันธุ์  เช่น  สีขาว  สีชมพู  สีแดง  สีเหลือง  สีม่วง  เป็นต้น

ประโยชน์และสรรพคุณของต้นเฟื่องฟ้า

          ประโยชน์และสรรพคุณของเฟื่องฟ้าที่เรามักจะเห็นได้บ่อยๆ ก็คือการนำไปปลูกเพื่อตกแต่งให้ความสวยงามกับบ้าน สวน และตามสถานที่ต่างๆ นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณทางยาช่วยบำรุงโลหิต บำรุงหัวใจ บำรุงร่างกาย ช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย ต้นเฟื่องฟ้า สายพันธุ์ BOUGAINVILLEA GLABRA CHOISY พบว่าสามารถใช้เป็นยาแก้ประจำเดือนมาไม่ปกติและช่วยกระตุ้นให้ระบบไหลเวียนของเลือดสามารถไหลเวียนได้ รากของ ต้นเฟื่องฟ้า ดอกสีขาวนำมาทำเป็นยาแก้พิษต่างๆได้  มีสาร BOUGAINVILLEAIN ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย ระบบประจำเดือน  และอาการตกขาวของสตรี มีประโยชน์สามารถนำไปทำอาหารได้ เช่น การนำไปชุบแป้งทอดจิ้มกับน้ำซอสรสอร่อย

         อีกทั้งยังเชื่อว่า ต้นเฟื่องฟ้า เป็น ไม้มงคลหน้าบ้าน ที่หากใครนำไปปลูกจะเกิดความเป็นสิริมงคล ช่วยส่งเสริมชีวิตให้มีความเจริญรุ่งเรือง มีความก้าวหน้าในชีวิต ควรปลูกไว้ทางทิศตะวันออก วันที่เหมาะจะปลูกคือ วันพุธ โดยผู้ปลูกควรเป็นเพศหญิงจึงจะดี

ราคาต้นเฟื่องฟ้าในปัจจุบัน

          ซึ่งราคาเฟื่องฟ้าก็จะตั้งแต่หลักสิบถึงหลายหลักพันเลยทีเดียว ซึ่งก็อาจขึ้นอยู่กับความสวยงาม สายพันธุ์ ทั้ง เฟื่องฟ้าสุมาลี , เฟื่องฟ้าดอกซ้อน เมล็ดเฟื่องฟ้า ขนาด และความแข็งแรงสมบูรณ์ของแต่ละต้น

         สำหรับผู้ที่ต้องการอยากนำ ต้นเฟื่องฟ้า ไปแต่งบ้าน สวน หรือสถานที่ต่างๆให้สวยงาม สามารถไปหาซื้อมาปลูกกันได้ตามร้านขายพันธุ์ไม้ทั่วไป นอกจากนี้ช่องทางการสั่งซื้ออีกช่องทางหนึ่งที่สามารถเพิ่มความสะดวกให้คุณได้ในช่วงที่ต้องกักตัวอยู่บ้าน นั่นก็คือ การสั่งจากเว็บไซต์ขายต้นไม้ต่างๆ รวมไปถึงจาก LAZADA , SHOPEE ด้วย

         ที่มาภาพ : รูปดอกเฟื่องฟ้า https://shopping7541.home.blog/ , https://www.jorakay.co.th/ 

ต้นสักทอง

ทำความรู้จัก ต้นสักทอง ไม้มงคล มีค่าที่น่าปลูก

สักทอง ( TEAK ) เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ที่จัดอยู่ในวงศ์ LAMIACEAE หรือ LABIATAE มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ TECTONA GRANDIS L.F. สามารถพบได้ในป่าเบญจพรรณหรือป่าผสมผลัดใบ เป็นไม้ผลัดใบที่มีลำต้นตั้งตรงสูงใหญ่ โดยจะมีความสูงอยู่ที่ประมาณ 20 – 30 เมตร แผ่กิ่งก้านสาขาออกเป็นพุ่งกลมทึบ มีผิวเรียบสีน้ำตาลอมเทา เนื้อไม้มีสีเหลืองสวย หยาบ และเป็นเสี้ยน

มีความแข็งในระดับปานกลางไม่ค่อยมีความยืดหยุ่น ใบสีเขียวรูปทรงรี ขอบใบเรียบ ผิวสัมผัสสากมือ มักผลัดใบในฤดูแล้ง มักออกดอกเป็นช่อขนาดใหญ่อยู่ตามซอกใบและปลายยอด ประกอบด้วยกลีบสีขาวนวล 6 กลีบ โคนดอกเชื่อมติดกัน มีขนขึ้นปกคลุม และจะออกดอกในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม โดยดอกจะบาน 1 วัน ก่อนมีการผสมเกสรและกลายเป็นผลต่อไป ซึ่งผลที่ได้จะมีรูปทรงกลมแป้นสีเขียว มีกลีบเลี้ยงหุ้มอยู่ 1 ชั้น บรรจุเมล็ดอยู่ด้านในจำนวน 4 เมล็ด และจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแม่แก่

สักทองต้นไม้มงคลหน้าบ้าน ควรค่าแก่การปลูกไว้

สักทอง จัดเป็นต้นไม้มงคลหน้าบ้านที่น่าปลูกมากอีกชนิดหนึ่ง โดยมีความเชื่อว่าการปลูกต้นสักทองเอาไว้ภายในบ้านจะช่วยเสริมความเป็นสิริงคลให้แก่ผู้ปลูกและผู้ที่อาศัยอยู่ภายในบ้านนั้นด้วย อีกทั้งคำว่า “ สัก ” ยังเป็นคำพ้องเสียงของคำว่า “ ศักดิ์ ” หมายถึง การมีศักดิ์ศรี มีเกียรติ ซึ่งหมายความรวมถึงการมีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ได้เลื่อนยศเลื่อนขั้น นั่นเอง

ประโยชน์และสรรพคุณของต้นสักทอง

นอกจากการปลูกเป็นไม้มงคลแล้ว ประโยชน์และสรรพคุณของต้นสักทองยังมีอีกหลากหลาย เช่น การมีสรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด บำรุงเลือด แก้อาการเลือดเป็นพิษ แก้อาการอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ แก้เจ็บคอ แก้ไข้ กระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้แก่ร่างกาย ช่วยขับลม ขับพยาธิ ขับปัสสาวะ แก้อาการประจำเดือนมาไม่ปกติ ฯลฯ อีกทั้งยังมีประโยชน์ในด้านการก่อสร้าง การนำไปแปรรูปทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ ที่สำคัญพบว่าการนำต้นสักทองจำนวน 26 ต้น มาสกัดจะได้ทองคำที่มีน้ำหนักมากถึง 1 บาทเลยทีเดียว

วิธีดูแลต้นสักทองให้เจริญงอกงาม

เมื่อนำต้นสักทองมาปลูกแล้วผู้ปลูกควรรู้ถึงวิธีดูแลต้นสักทองด้วย เพื่อให้ต้นสักทองสามารถเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่ ซึ่งมีวิธีดูแลดังนี้

ดิน – ต้นสักทองสามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วน หรือ ดินที่เกิดจากการร่อนพังของชั้นหินปูนจนกลายมาเป็นดินร่วนลึก

น้ำ – ชอบความชุ่มชื้นในระดับปานกลาง ควรรดน้ำวันละครั้งในปริมาณที่พอเหมาะ อย่ารดมากจนชื้นแฉะ และไม่ควรปล่อยให้มีน้ำท่วมขัง

แสงแดด – เป็นพันธุ์ไม้ที่ชื่นชอบแสงแดดจัด สามารถปลูกไว้กลางแจ้งได้ หากใครกำลังมองหาไม้ที่ให้ร่มเงา ต้นสักทองก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกดีๆที่ควรปลูกด้วย

ปุ๋ย – ควรมีการใส่ปุ๋ยบำรุงเดือนละครั้ง สามารถใช้ได้ทั้งปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก และปุ๋ยเคมีต่างๆ

วิธีการขยายพันธุ์ – นิยมขยายพันธุ์โดยวิธีการเพาะเมล็ด

ราคาของต้นสักทอง

โดยจะมีราคาต้นพันธุ์เริ่มต้นที่หลักสิบบาทเท่านั้น แต่เมื่อปลูกให้เจริญเติบโตเป็นต้นสูงใหญ่แล้วราคาไม้ชนิดนี้จัดว่าสูงมากทีเดียว โดยราคาซื้อขายสามารถพุ่งไปแตะหลักแสนเลยทีเดียว ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดและความสมบูรณ์ของต้นด้วย

มรกตแดง

“ต้นมรกตแดง” ต้นไม้มงคลในบ้าน สีสวยสดใส เสริมบารมี

ต้นไม้มงคลในบ้านยอดนิยม ต้องขอแนะนำ ต้นมรกตแดง เป็นพรรณไม้เลื้อย อยู่ในวงตระกูล ARACEAE โดยลักษณะของต้นไม้พันธ์นี้คือ ลำต้นจะกลม สีแดงเป็นมัน ลำต้นจะมีความคล้ายคลึงกับพลูด่าง แต่ว่าจะแข็งแรงกว่า ลักษณะของใบจะมีขนาดใหญ่ ใบแหลมตรงปลาย สีของใบจะมีสีสันสดใส ซึ่งมีสีเขียวอมแดง

สรรพคุณของต้นมรกตแดง

โดยสรรพคุณของต้นมรกตแดง มีมากมายหลายประการ ซึ่งคนไทยเชื่อว่า มรกตแดงเป็นพืชมงคล เสริมเสน่ห์ ความมงคล และเป็นต้นไม้ที่เปรียบเสมือนกับแก้วนพรัตน์ที่งดงาม จึงเป็นที่นิมยมปลูกมาก และเป็นไม้ประดับไว้ตกแต่งภายในบ้านเรือน รวมทั้งภายนอกอาคารได้ นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณในแง่ด้านสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นพันธุ์ไม้ดูดสารพิษ รวมทั้งฝุ่น PM 2.5 ช่วยให้อากาศบริสุทธิ์ได้อีกด้วย นับว่าเป็นไม้ประดับที่มีคุณค่ามาก

ต้นมรกตแดงถ้าอยากให้สวยต้องดูแลอย่างไร?

ถ้าใครอยากจะปลูกต้น มรกตแดง นี้ไว้ประดับบ้าน ไม่ต้องกังวล เพราะดูแลง่ายมาก วันนี้จะมาบอก วิธีการดูแลต้นมรกตแดง ต้นไม้ชนิดนี้ไม่ได้ชอบอยู่บริเวณที่แสงแดดจัดมาก ต้องตั้งไว้บริเวณที่มีแสงรำไร จึงสามารถปลูกไว้ในบ้านได้ โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ที่ประมาณ 16 – 24 องศาเซลเซียส และต้องให้ดินชุ่มชื้นตบอดเวลา

เนื่องจากชอบความชื้นสูง แต่ต้องการน้ำในระดับปานกลางไม่มากนัก ห้ามรดน้ำจนแฉะเกินควร ดินที่ใช้เพาะปลูกต้องเป็นดินร่วนซุย การให้ปุ๋ยก็ให้เพียงเดือนละหนึ่งครั้งก็เพียงพอแล้ว โดยนำปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักละลายน้ำแล้วรดลงไปในดินได้เลย ซึ่งสามารถเพาะเลี้ยงทั้งในแปลงดิน หรือกระถางก็ได้ แต่ส่วนใหญ่นิยมเพาะปลูกในกระถางเนื่องจากเป็นไม้ประดับขนาดเล็ก เห็นไหมว่าการดูแลไม่ได้ยากอะไรเลย เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาแต่อยากเพาะปลูกต้นไม้ไว้ประดับบ้าน

ถ้าอยากปลูกต้นไม้มงคลนี้ ต้องซื้อจากที่ไหน แล้วมีราคาประมาณเท่าไหร่?

ต้นไม้มงคลประดับบ้าน ต้นมรกตแดง ชนิดนี้ ราคาไม่แพงมาก ซึ่งราคาก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นขนาดของต้นไม้ หากต้นที่ใหญ่ก็จะมีราคาที่สูงกว่าต้นขนาดเล็ก ความสวยสมบูรณ์ของต้นและใบ โดยราคาไม่แพงเลยก็จะอยู่ในช่วง 50 – 300 บาท สามารถหาซื้อได้ง่าย 

เนื่องจากเป็นไม้มงคลยอดนิยม เลือกซื้อได้ตามตลาดต้นไม้ หรือว่าจะซื้อจากช่องทางออนไลน์ก็ได้ ราคาไม่ได้แตกต่างกันมาก แต่แนะนำว่าหากมีเวลาไปเลือกเองจะดีกว่า เพื่อที่จะได้ต้นที่สวยงาม ทั้งลำต้น และลักษณะใบที่ งดงาม ตรงใจ และถือว่าได้ไปเดินเที่ยวชมต้นไม้เป็นการพักผ่อนหย่อนใจอีกด้วย

ที่มาภาพ : https://thaiza.com/,https://omgnadinechristine.com<,http://topicstock.pantip.com/

“ต้นใบละบาท”

“ต้นใบละบาท” ต้นไม้มงคล ต้นไม้มงคลปลูกในบ้าน แค่ชื่อก็มงคลแล้ว กับต้นแห่งโชคลาภ

ต้นไม้มงคลยอดนิยมในประเทศไทย แค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกว่าโชคลาภ เงินทอง ลอยมาแล้ว กับ “ต้นใบละบาท” เป็นพรรณไม้ที่นักสะสมต้นไม้มงคลชื่นชอบมาก เพราะว่านอกจากจะมีลักษณะที่สวยงามแล้ว คนไทยมีความเชื่อว่า เมื่อเพาะปลูกแล้วหากออกดอกจะทำให้คนที่ปลูกนั้นร่ำรวย เงินทอง และถ้าปลูกแล้วต้นไม้มีการแตกใบจำนวนมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีเงินมากขึ้นเท่านั้น

สรรพคุณของต้นใบละบาท

มีมากมายหลายประการ เป็นพืชทางสมุนไพรบำรุงร่างกาย เป็นไม้มงคลประดับบ้านให้สวยงาม เสริมโชค แต่ก็มีข้อควรระวังคือ ในส่วนของใบห้ามนำมารับประทานเป็นอันเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการประสาทหลอนได้ ต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง

วิธีการปลูกและการดูแลให้ต้นใบละบาท ออกดอกและมีใบสวยงาม

การดูแลไม้ประดับพืชมงคลชนิดนี้ไม่ได้มีความยุ่งยากอะไรเลย สามารถเพาะปลูกได้ในแปลง หรือในกระถางก็ได้ โดยตำแหน่งที่ปลูกต้นใบละบาท ควรตั้งไว้ในทางทิศตะวันตกเพื่อเป็นการเสริมสิริมงคล และพืชชนิดนี้ไม่ได้ต้องการแสงแดดจัด ควรตั้งไว้บริเวณที่มีแสงแดดรำไร ห้ามโดนแดดที่แรงมากเกินควร ในเรื่องของน้ำ ต้องการน้ำในปริมาณปานกลาง ซึ่งผู้ปลูกควรรดน้ำ 5 – 7 วันต่อครั้ง ดินที่เหมาะสมต่อการปลูกควรเป็นดินร่วนซุย ดินผสมอินทรีย์ ไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยก็ได้ และนอกจากจะปลูกในบ้านแล้ว ยังนิยมปลูกบริเวณริมรั้ว เพราะว่าเป็นไม้เลื้อย ให้แผ่ขยายเลื้อยไปตามรั้วก็ได้ สวยงามไปอีกแบบหนึ่ง

หากต้องการปลูกต้นใบละบาท สามารถหาซื้อได้จากที่ไหน และมีราคาประมาณเท่าไหร่?

หากใครกำลังจะกลายเป็นนักสะสมและเพาะปลูกต้นไม้มงคล อย่างต้นไม้ใบละบาทยอดนิยม บอกเลยว่าถึงแม้ชื่อจะดูเป็นมงคล หลายคนอาจจะคิดว่าราคาคงจะแพงมาก แต่ไม่เลย ราคาต้นใบละบาท อยู่ประมาณที่หลักร้อย ซึ่ง 100 – 300 บาท ต่อต้นก็สามารถซื้อมาปลูกประดับบ้านได้แล้ว 

ยิ่งตอนออกดอกก็จะสวยงามมาก เพราะดอกมีสีสันสดใส เป็นสีชมพูอมม่วง งดงามยิ่งนัก และสามารถหาซื้อได้ง่ายมาก ก็เพราะเนื่องจากเป็นไม้มงคลที่นิยมปลูกกันมากในประเทศไทยอยู่แล้ว โดยซื้อได้จากตลาดต้นไม้ทั่วไป สามารถเลือกชม เลือกต้นไม้ได้เองเลย หรือหากใครไม่มีเวลามากนักในการไปเลือกซื้อเอง ก็สามารถนั่งดูช้อปปิ้งออนไลน์ ซื้อต้นไม้ได้จากทางบ้านเลย ง่ายมาก เพียงเท่านี้ก็จะได้ไม้มงคลเสริมเงินทอง มาประดับตกแต่งบ้านแล้ว

ที่มาภาพ : https://healhoroscope.home.blog/,https://www.nanagarden.com/,https://www.flickr.com/

กุหลาบหิน

กุหลาบหิน ไม้มงคล ต้นไม้ฟอกอากาศ ขนาดเล็ก ปลูกง่ายมีหลากหลายสายพันธุ์

ใครที่มองหาต้นไม้ฟอกอากาศขนาดเล็กไม่เปลืองพื้นที่จะต้องชอบต้นกุหลาบหินกันอย่างเเน่นอน เพราะเป็นต้นไม้ประดับบ้านขนาดเล็กที่มีความสวยงามไม่กินพื้นที่ เเละยังช่วยฟอกอากาศภายในบ้านอีกด้วย ต้นกุหลาบหิน กุหลาบหิน ภาษาอังกฤษ : Succulent. มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Kalanchoe วงศ์กุหลาบหิน : Crassulaceae เป็นต้นไม้อวบน้ำขนาดเล็กที่ออกดอกสวยงาม มีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศเล็กน้อย เเต่ช่วยเพิ่มความสดชื่นในบ้านเเละยังเหมาะสำหรับปลูกในพื้นที่จำกัดอีกด้วย

ราคาต้นกุหลาบหินเเละสามารถหาซื้อได้จากที่ไหน

สำหรับราคาของต้นไม้ฟอกอากาศชนิดนี้ก็มีให้เลือกตั้งเเต่หลักสิบไปจนถึงหลักร้อย เนื่องจากว่ากุหลาบหินนั้นมีหลากหลายสายพันธุ์จึงทำให้มีหลายราคา ดังนั้นเราจึงหาซื้อต้นกุหลาบหินตามงบที่เราตั้งเอาไว้ได้ สามารถที่จะสั่งซื้อผ่านทางร้านค้าออนไลน์เเละตามร้านขายเเคคตัสที่มักจะมีกุหลาบหินจำหน่ายอยู่ด้วยเสมอ หรือตามร้านขายไม้ประดับทั่วไปก็มีขายเช่นเดียวกัน

วิธีการดูแล กุหลาบหิน และสถานที่ในการเพาะปลูก

ต้นกุหลาบหินนั้นขยายพันธุ์ง่ายเเละทนทานเป็นอย่างมาก หากดูเเลถูกวิธีก็จะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว โดยวิธีการดูเเลก็คือควรปลูกต้นกุหลาบหินในภาชนะที่ระบายน้ำได้ดี ปลูกในดินหรือวัสดุที่ไม่อุ้มน้ำ ไม่ควรรดน้ำบ่อยจนเกินไปควรรดน้ำอาทิตย์ละ 1 – 2 ครั้ง เเละรดน้ำเพื่อให้ดินมีความชุ่มชื้นไม่เเห้งจนเกินไปก็เพียงพอเเล้ว ต้นกุหลาบหินเป็นพืชที่ชอบเเสงเเดด ดังนั้นในช่วงเวลาเช้าควรนำกุหลาบหินมาวางไว้ในที่ที่มีเเสงเเดดจะทำให้สีสันของต้นกุหลาบหินมีความสวยงามมากยิ่งขึ้น

ถึงเเม้ว่าต้นกุหลาบหินจะไม่ใช่สุดยอดต้นไม้ฟอกอากาศเเต่ด้วยความสวยงามเเละปลูกง่าย มีความทนทานต่อสภาพอากาศจึงทำให้ต้นไม้ชนิดนี้เป็นต้นไม้ฟอกอากาศที่ขายดี เเละได้รับความนิยมจากคนที่ชอบปลูกต้นไม้ประดับบ้านขนาดเล็กเป็นอย่างมากค่ะ

ที่มาภาพ : https://pixabay.com,https://www.lazada.co.th